tag:blogger.com,1999:blog-4488660148379726510.post5170508243232061353..comments2022-04-11T05:20:36.813-07:00Comments on ครูโก้ออนไลน์: เปิดตัวกันก่อนUnknownnoreply@blogger.comBlogger7125tag:blogger.com,1999:blog-4488660148379726510.post-70675928035801181542007-11-05T20:50:00.000-08:002007-11-05T20:50:00.000-08:00ไม่มี ความคิดเห็นค่ะ ยังไม่ได้อ่านไม่มี ความคิดเห็นค่ะ ยังไม่ได้อ่านfang_pond_deedeehttps://www.blogger.com/profile/17442014522385298793noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-4488660148379726510.post-42644063646308875722007-11-01T21:09:00.000-07:002007-11-01T21:09:00.000-07:00ซึ้งมากเลยค่ะ...บางทีเราก็ไม่เคยที่จะมองสิ่งรอบตัว...ซึ้งมากเลยค่ะ...บางทีเราก็ไม่เคยที่จะมองสิ่งรอบตัวเลยจริงๆนะAnonymousnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-4488660148379726510.post-30824761255212140772007-09-17T20:27:00.000-07:002007-09-17T20:27:00.000-07:00สองพี่น้อง6 ครั้งที่ฉันต้องหลั่งน้ำตาให้น้องชายของ...สองพี่น้อง<BR/><BR/><BR/><BR/><BR/><BR/>6 ครั้งที่ฉันต้องหลั่งน้ำตาให้น้องชายของฉัน ..<BR/><BR/>ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน<BR/>แต่ละวัน พ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ<BR/><BR/>ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี<BR/>วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆของฉันมีกัน<BR/><BR/>... จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง<BR/>พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง<BR/>โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน<BR/>ใครขโมยเงินไป พ่อตวาด<BR/><BR/>ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน<BR/>พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า<BR/>ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพ ก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ<BR/>พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น<BR/><BR/>ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้ แล้วพูดว่า <BR/>ผมขโมยเองครับ<BR/><BR/>ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง<BR/>พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย<BR/>พ่อนั่งลงบนเก้าอี้ และด่าว่าน้องชายของฉัน ของคนในบ้านแกเอง <BR/>แกยังขโมยได้<BR/><BR/>ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย<BR/>คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้ หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด<BR/>แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย<BR/><BR/>กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก<BR/>น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า พี่ครับ<BR/>ไม่ต้องร้องไห้นะ มันผ่านไปแล้ว<BR/>ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้ <BR/>ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ<BR/><BR/>หลายปีผ่านไป แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง<BR/>ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย<BR/><BR/>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8 ปี ส่วนฉันอายุ 11 ปี...<BR/>เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน<BR/>ม.ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย<BR/>ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน<BR/><BR/>คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน<BR/>ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า ลูกเราทั้งคู่เรียนดี เรียนดีมากนะ<BR/>แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูดว่าแล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไร ในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน<BR/><BR/>ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า<BR/>ผมไม่ต้องการเรียนต่อ ผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว<BR/>พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่<BR/>ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้ ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน<BR/>พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้<BR/><BR/>คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ ทั่วทั้งหมู่บ้าน <BR/>เพื่อขอยืมเงิน<BR/>ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า<BR/>ต้องให้น้องได้เรียนต่อ<BR/>ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้<BR/>แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้<BR/>ใครจะรู้ได้ ... <BR/><BR/>วันต่อมาในตอนเช้ามืด<BR/>น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น<BR/>และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว<BR/>ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน ขณะฉันกำลังหลับ<BR/>พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ... ผมจะไปหางานทำ<BR/>แล้วจะส่งเงินมาให้พี่<BR/>ฉันนั่งอยู่บนเตียง อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า ...<BR/>ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป<BR/><BR/>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17 ปี ส่วนฉันอายุ 20 ปี ...<BR/>ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน<BR/>รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็นกรรมกรแบกหาม<BR/>ที่ไซท์ก่อสร้าง ... ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3<BR/><BR/>วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก<BR/>เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า มีชาวบ้านมาหาเธอ<BR/>อยู่ข้างนอกแน่ะ<BR/>ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ???<BR/><BR/>ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่<BR/>ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง ... <BR/>ฉันถามเขาว่า<BR/>ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ<BR/><BR/>น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า ก็ดูผมสิ สกปรกมอมแมมออกอย่างนี้<BR/>ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ ก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี<BR/><BR/>ฉันน้ำตานองหน้า ค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง<BR/>และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง<BR/>เธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม<BR/><BR/>จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง<BR/>เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ ... เขาติดกิ๊บให้ฉัน แล้วพูดว่า <BR/><BR/>ผมเห็นสาวๆ<BR/>ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง<BR/><BR/>ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด<BR/>ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน<BR/><BR/>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี ..<BR/>วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก ฉันสังเกตเห็นว่า<BR/>หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว<BR/>เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก<BR/><BR/>หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า<BR/>แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก<BR/>เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ<BR/><BR/>แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า แม่ไม่ได้จ้างหรอก น้องชายลูกต่างหาก<BR/>วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน<BR/>ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ<BR/>น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ<BR/><BR/>ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา<BR/>ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ<BR/>ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด เจ็บมากไหม ฉันถาม<BR/>ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ<BR/>มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ<BR/>และ...<BR/>น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด <BR/>เพราะฉันหันหน้าหนีเขา<BR/>น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง<BR/><BR/><BR/><BR/>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23 ปี ส่วนฉันอายุ 26 ปี...<BR/>หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง<BR/><BR/>หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน<BR/>แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ<BR/><BR/>ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง แต่เมื่อออกไปแล้ว<BR/>ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม<BR/>น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป ...<BR/>เขาบอกกับฉันว่า พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะ<BR/>ผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง<BR/><BR/>สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของครอบครัว<BR/>เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท ...<BR/>แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้ <BR/>เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา<BR/><BR/>วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล<BR/>และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด ... เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล<BR/><BR/>ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล<BR/>น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา ... ฉันโกรธมาก <BR/>จึงตวาดน้องไปว่า<BR/><BR/>ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!!<BR/>ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆ อย่างนี้ ดูตัวเองซิ<BR/>เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง<BR/>คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด <BR/>ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา<BR/><BR/>พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน<BR/>ส่วนผมมันการศึกษาต่ำ ถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ<BR/>คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด<BR/><BR/>น้ำตาปริ่มดวงตาของฉัน รวมทั้งสามีของฉันด้วย ... ฉันบอกกับน้องว่า<BR/>แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่...<BR/>ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ<BR/>น้องชายของฉันจับมือฉันไว้<BR/><BR/>ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26 ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี...<BR/>เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปี<BR/>เขาได้แต่งงานกับสาวชาวนาในหมู่บ้านเดียวกัน<BR/><BR/>ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า<BR/>ใครคือคนที่คุณรักและเคารพที่สุดในชีวิตนี้<BR/><BR/>น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล พี่สาวของผมครับ<BR/>และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้<BR/><BR/>ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง<BR/>เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2 ชม. เพื่อเดินไปเรียน<BR/><BR/>และเดินกลับบ้าน<BR/>วันหนึ่งผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง <BR/>พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง<BR/>และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล<BR/>เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว<BR/>เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ ... นับจากวันนั้น <BR/>ผมสาบานกับตัวเอง<BR/><BR/>ว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี และจะทำดีกับเธอ<BR/><BR/>เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว<BR/>สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน<BR/><BR/>คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก ... ในโลกใบนี้<BR/>คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ<BR/><BR/>ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้<BR/>น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง...<BR/><BR/>จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ วันในชีวิตของคุณและเขา<BR/>คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ<BR/>แต่สำหรับคนคนนั้น อาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง<BR/>...ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือ พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน<BR/><BR/>หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก ก็ตาม...Anonymoushttps://www.blogger.com/profile/18437556656813148515noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-4488660148379726510.post-34743373853085698782007-09-17T20:26:00.000-07:002007-09-17T20:26:00.000-07:00ความสุขยิ่งกว่าการให้ชายหนุ่มคนหนึ่งมีชีวิตที่เรีย...ความสุขยิ่งกว่าการให้<BR/><BR/><BR/><BR/><BR/><BR/>ชายหนุ่มคนหนึ่งมีชีวิตที่เรียกได้ ว่าสมบูรณ์แบบ หน้าตาหล่อเหลา <BR/>มีการศึกษาสูง มีงานการที่มั่นคง มีความก้าวหน้าในอนาคต <BR/>มีคนรักใคร่รอบข้าง เรียกว่าใครเห็นใครรู้เป็นต้องอิจฉา<BR/><BR/>วันหนึ่งชีวิตที่สมบูรณ์แบบของชายคนนี้ยิ่งสุดยอด สมบูรณ์แบบมากขึ้น <BR/>เมื่อพี่ของเขายอมควักเงินก้อนโต ซื้อรถสปอร์ตคนงามเป็นของขวัญ<BR/>ให้กับน้องชาย ไม่ต้องบอกว่าเจ้าตัวจะยินดีปรีดาแค่ไหน <BR/>เพราะรถสปอร์ตสุดหรูคันนี้ ชายหนุ่มนายนี้ฝันอยากได้ <BR/>เป็นเจ้าของมาตลอดชีวิต เมื่อความฝันเป็นจริง<BR/><BR/>สิ่งที่ชายหนุ่มคิดทำอย่างแรกคือ ขับเจ้ารถสปอร์ตตระเวน <BR/>ไปตามที่ต่างๆให้สมอยาก ใจหนึ่งต้องการทดสอบแรงม้า<BR/>ที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องเครื่อง ว่าจะมีเรี่ยวแรงเต็มกำลังแค่ไหน <BR/>อีกใจก็แน่นอนว่า ใครที่มีรถสวยแรงขนาดนี้ คงไม่บ้าเก็บเอาไว้ดูตามลำพัง <BR/>ที่โรงรถในบ้าน ขับโฉบเฉี่ยวไปมาสักพัก ถึงเวลาพักทั้งเครื่องและคน<BR/><BR/>ชายหนุ่มจัดแจงจอดรถข้างถนน ระหว่างกำลังพักผ่อนอิริยาบถ <BR/>เขาเห็นเด็กคนหนึ่งเดินลูบๆคลำๆรถคันงาม ด้วยกิริยาท่าทีชื่นชอบ<BR/>รถสปอร์ตอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มรู้สึกภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของ<BR/><BR/>สิ่งที่หลายต่อหลายคนใฝ่ฝัน เขาเดินยืดอกมาที่รถ พร้อมพูดจาทักทายเด็กคนนั้นด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ดั่งขุนศึกผู้ชนะสงคราม <BR/>“ระวังหน่อยน้อง เดี๋ยวเป็นรอย” เขาบอก เด็กคนนั้นมองไปยัง<BR/>ชายหนุ่มเจ้าของเสียง ก่อนจะพูดตอบ “รถของพี่เหรอ สุดยอดจริงๆ”<BR/><BR/>“แน่นอน” เขาตอบ “พี่ซื้อมาราคาเท่าไหร่” เด็กคนเดิมถาม <BR/>“คนอื่นอาจต้องควักสตางค์ซื้อเอง แต่พี่ไม่ต้อง เพราะพี่ชายพี่<BR/>ซื้อให้เป็นของขวัญ”<BR/><BR/>“โอ้โห! ดีจัง ผมอยาก....” เด็กคนเดิมพูดตะกุกตะกักชะงักในตอนท้าย <BR/>ชายหนุ่มคิดในใจว่า เด็กคนนี้คงไม่กล้าพูดต่อ เพราะที่เด็กอยากจะพูด<BR/>แต่ยั้งปากยั้งคำไว้นั้น คงต้องการบอกว่าอิจฉาตัวเขาเอง <BR/>อยากจะเป็นอย่างเขาบ้าง ...มีพี่ที่แสนดีซื้อรถสุดหรูให้เป็นของขวัญ<BR/>... แต่สิ่งที่ชายหนุ่มคิดกลับผิดถนัด<BR/><BR/>“โอ้โห ดีจัง ผมอยาก....เป็นอย่างพี่ชายของพี่จัง” เด็กคนนั้นพูด <BR/>“ผมจะได้ซื้อรถให้น้องชายผมนั่งบ้าง” ชายหนุ่มถึงกับอึ้ง <BR/>ในสังคมทุกวันนี้ ที่ใครๆตั้งหน้าตั้งตาแต่จะรับ <BR/>หรือบางคนไม่ยอมรอ ใช้กำลังความได้เปรียบแย่งชิง<BR/>ของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง<BR/><BR/>แต่เด็กคนนี้กลับคิดสวนทางใครๆ ...เขาอยากเป็นผู้ให้ <BR/>มากกว่าเป็นผู้รับ...<BR/><BR/>ชายหนุ่มมองเด็กด้วยความรู้สึกทึ่งและพูดออกมาทันทีว่า <BR/>“อยากนั่งรถเล่นกับฉันไหม”<BR/><BR/>“ครับ อยากมากเลย” หลังจากขับรถเล่นอยู่พักหนึ่ง <BR/>เด็กชายหันมาพูดด้วยดวงตาวาวแวว<BR/><BR/>“คุณจะกรุณาขับรถไปหน้าบ้านผมได้ไหมครับ” ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ <BR/>เขาคิดว่าเขารู้ดีว่าเด็กหนุ่มต้องการอะไร เขาคงต้องการให้เพื่อนบ้าน<BR/>เห็นว่าเขาได้นั่งรถคันโตกลับบ้าน แต่ชายหนุ่มคิดผิดอีกแล้ว <BR/>“คุณจอดตรงบันไดนั่นล่ะครับ” เขาวิ่งขึ้นบันได จากนั้นสักครู่<BR/>จึงกลับมาแต่เขาไม่ได้วิ่ง เขาอุ้มน้องตัวเล็กๆที่ขาพิการมาด้วย<BR/>และวางน้องลงที่บันไดล่าง กอดไว้และชี้ไปที่รถ<BR/><BR/>“นั่นไง บัดดี้ รถคันที่พี่เล่าให้ฟัง พี่ชายของเขาซื้อให้เป็นของขวัญ <BR/>เขาไม่ต้องเสียตังค์เลย สักวันหนึ่งพี่จะซื้อให้น้องบ้าง <BR/>น้องจะได้ดูของสวยๆงามๆด้วยตาของน้องเองเหมือนที่<BR/>พี่เคยเล่าให้ฟัง”<BR/><BR/>ชายหนุ่มลงจากรถ แล้วอุ้มเด็กน้อยขึ้นรถ พี่ชายปีนตามขึ้นมานั่งใกล้<BR/>และแล้วทั้งสามก็เริ่มออกเดินทาง ชายหนุ่มรู้แล้วว่า <BR/>“ความสุขยิ่งกว่าการให้” หมายถึงอะไรAnonymoushttps://www.blogger.com/profile/18437556656813148515noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-4488660148379726510.post-26970490867698542392007-09-17T20:23:00.000-07:002007-09-17T20:23:00.000-07:00พ่อ ลูก และตะปู" พ่อสอนลูกว่าด้วยเรื่องของตะปู"มีเ...พ่อ ลูก และตะปู<BR/><BR/><BR/><BR/>" พ่อสอนลูกว่าด้วยเรื่องของตะปู"<BR/><BR/>มีเด็กน้อยคนหนึ่งที่สีหน้าแสดงอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก<BR/><BR/>พ่อของเขาจึงให้ตะปูกับเขาถุงหนึ่ง และบอกกับเขาว่า<BR/><BR/>" ทุกครั้งที่เขารู้สึกโมโห หรือโกรธใครสักคน ให้ตอกตะปู 1 ตัวเข้าไปกับรั้วที่หลังบ้าน"<BR/><BR/>วันแรกผ่านไป<BR/><BR/>เด็กน้อยคนนั้นตอกตะปูเขาไปที่รั้วหลังบ้านถึง 37 ตัว และก็ค่อยๆ ลดจำนวนลงเรื่อย ๆ<BR/><BR/>ในแต่ละวันที่ผ่านไป อย่างน้อยที่สุด เขาได้รู้ว่าสิ่งที่พ่อกำลังพยายามบอกกับเขา ก็คือ<BR/><BR/>การรู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเองให้สงบ ซึ่งง่ายกว่าการตอกตะปูตั้งเยอะ และ<BR/><BR/>แล้วหลังจากที่เขาสามารถควบคุมตนเองได้ดีขึ้น ใจเย็นมากขึ้น เขาจึงเข้าไปพบพ่อและบอกกับพ่อว่า<BR/><BR/>เขาสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้แล้ว ไม่มุทะลุเหมือนแต่ก่อนที่เคยเป็น<BR/><BR/>พ่อยิ้มและบอกกับลูกชายว่า<BR/><BR/>" ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเจ้าต้องพิสูจน์ให้พ่อรู้ โดยทุกๆ ครั้งที่เขาสามารถควบคุมอารมณ์ ฉุนเฉียวของตนเองได้<BR/><BR/>ให้ถอนตะปูออกจากรั้วหลังบ้าน 1 ตัว"<BR/><BR/>วันแล้ววันเล่า เด็กน้อยคนนั้นก็ค่อยๆ ถอนตะปูออกทีละตัว<BR/><BR/>จาก 1 เป็น 2...<BR/><BR/>จาก 2 เป็น 3 จนในที่สุดตะปูทั้งหมดก็ถูกถอนออกมา<BR/><BR/>เด็กน้อยดีใจมากรีบวิ่งไปบอกกับพ่อเขาว่า<BR/><BR/>" ฉันทำได้ ในที่สุดฉันก็ทำจนสำเร็จ !!" พ่อไม่ได้พูดอะไร<BR/><BR/>แต่จูงมือลูกของเขาออกไปที่รั้วหลังบ้านและบอกกับลูก ว่า<BR/><BR/>" ทำได้ดีมากลูกพ่อ และเจ้าลองมองกลับไปที่รั้วเหล่านั้นสิเห็นไหมว่ามัน ไม่เหมือนเดิม<BR/><BR/>ไม่เหมือน..กับที่มันเคยเป็น<BR/><BR/>จำไว้นะลูก.. เมื่อใดก็ตามที่เจ้าทำอะไรลงไปโดยใช้อารมณ์ สิ่งนั้นมันจะเกิดเป็นรอยแผล<BR/><BR/>เหมือนกับ การเอามีดที่แหลมคมไปแทงใครสักคน ต่อให้พูดคำขอโทษสักกี่หน<BR/><BR/>ก็ไม่อาจลบความเจ็บปวด ไม่อาจลบรอยแผลที่เกิดขึ้นกับเขาคนนั้นได้ "<BR/><BR/>" ฉันใดก็ฉันนั้น กับเพื่อน .. เพื่อนเปรียบเสมือนอัญมณีอันมีค่าที่หายาก<BR/><BR/>เป็นคนที่ทำให้เรายิ้ม เป็นคนที่คอยให้กำลังใจและยินดีเมื่อเราพบกับความสำเ ร็จ<BR/><BR/>เป็นคนที่คอยปลอบใจเราร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเราและจริ งใจกับเราเสมอ ...<BR/><BR/>แสดงให้เขาเห็นว่าเราห่วงใยเขามากแค่ไหน<BR/><BR/>และระวังสิ่งที่เราทำไปไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระท ำ และ จงจำไว้เสมอว่า<BR/><BR/>" คำขอโทษ "<BR/><BR/>ไม่ว่าเขาจะยกโทษให้เราหรือไม่ก็ตาม<BR/><BR/>แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้นคือรอยร้าวที่เขาคงไม่อาจลืมมันได้..ตลอดไป"Anonymoushttps://www.blogger.com/profile/18437556656813148515noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-4488660148379726510.post-31634925742514112952007-09-17T20:14:00.000-07:002007-09-17T20:14:00.000-07:00มีแมลงปอบนบ่าของคุณไหมชื่อเรื่อง: มีแมลงปอบนบ่าของ...มีแมลงปอบนบ่าของคุณไหม<BR/><BR/><BR/><BR/>ชื่อเรื่อง: มีแมลงปอบนบ่าของคุณไหม<BR/><BR/><BR/>มีเมืองเล็กๆ ที่สวยและสงบสุขเมืองหนึ่ง มีคู่รักคู่หนึ่งที่รักกันมาก<BR/>ทุกวันพวกเขาจะพากันไป ดู ชม พระอาทิตย์ขึ้นที่ชายหาด<BR/>และไปส่งพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ชายหาดตอนโพล้เพล้<BR/>ทุกคนที่เคยพวกเขาพบเจอจะมองด้วยสายตาอิจฉาในความรักของคนคู่นี้เสมอ..<BR/><BR/>แต่แล้ววันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุรถชนขึ้น<BR/>หญิงสาวผู้โชคร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส<BR/>เธอนอนเงียบๆ อยู่บนเตียงของโรงพยาบาล<BR/>วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า เธอก็ยังคงไม่ฟื้นคืนมา<BR/><BR/>ตอนกลางวัน<BR/>ชายหนุ่มจะมาเฝ้าอยู่ที่หน้าเตียง<BR/>ร้องเรียกคนรักของเขาเสมอ ทั้งๆ ที่เธอไม่ตอบสนองใดๆ เลย<BR/><BR/>ตกกลางคืน<BR/>ชายหนุ่มจะไปสวดภาวนาอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าที่โบสถ์นอกเมือง<BR/>เขาร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้ง ไม่มีจะไหลออกมาอีกแล้ว<BR/><BR/><BR/><BR/>ผ่านไป 1 เดือน<BR/>หญิงสาวยังคงหลับใหลไม่ฟื้นเหมือนเดิม<BR/>ส่วนชายหนุ่มก็ดูจะซูบเซียวขึ้นทุกวัน<BR/>แต่ก็ยังคงสวดอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าอยู่เสมอไม่หยุด<BR/><BR/>แต่แล้ววันหนึ่ง<BR/>พระผู้เจ้าก็เกิดเห็นใจในรักของชายหนุ่ม<BR/>และตกลงที่จะ(ประทาน)พรให้แก่เข า<BR/>พระผู้เป็นเจ้าได้ถามชายหนุ่มว่า<BR/>“เจ้ายอมที่จะแลกพรนี้ด้วยชีวิตของเจ้าไหม”<BR/>ชายหนุ่มตอบโดยไม่ลังเลว่า “ ผมยอมครับ”<BR/>พระผู้เป็นเจ้าพูดว่า “งั้นดีฉันจะให้คนรักของเจ้าฟื้นขึ้นมา<BR/>แต่เจ้าต้องแลกกับการกลายเป็นแมลงปอเป็นเวลา 3 ปี เจ้าจะตกลงยอมไหม”<BR/>ชายหนุ่มได้ฟังดังนั้น แต่ก็ยังคงยืนยันคำตอบเดิม “ผมยอมครับ”<BR/><BR/><BR/>ฟ้าสางแล้ว<BR/>ชายหนุ่มได้กลายเป็นแมลงปอสวยงามตัวหนึ่ง<BR/>เขาบอกลาพระผู้เป็นเจ้าแล้วรีบบินกลับไปที่โรงพยาบาล<BR/>หญิงสาวฟื้นขึ้นมาแล้วจริงๆ<BR/>มีนายแพทย์หนุ่มยืนอยู่ข้างๆ เธอ คุยเรื่องอะไรกันสักอย่างหนึ่ง<BR/>แต่ช่างเสียดายที่เขาไม่สามารถที่จะได้ยิน..<BR/><BR/>หลายวันผ่านไป<BR/>หญิงสาวแข็งแรงพอที่จะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว<BR/>แต่เธอดูไม่มีความสุขเลย เธอออกตระเวนหาข่าวคราวของชายหนุ่ม<BR/>แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าชายหนุ่มหายไปอยู่ที่ไหน<BR/>หญิงสาวยังไม่ละความพยายามที่จะตามหาชายคนรักของเธอ<BR/>ชายหนุ่มซึ่งอยู่ในร่างของเจ้าแมลงปอได้(แต่)บินวนเวียนอยู่รอบตัวหญิงสาวไม่ห่าง<BR/>(ทว่า)เขาไม่สามารถที่ส่งเสียง ไม่สามารถโอบกอด(เธอ)<BR/>เขาทำได้แค่เพียงเฝ้ามองดูหญิงสาวไม่ให้คาดสายตาเท่านั้น<BR/><BR/><BR/><BR/>ฤดูร้อนผ่านไปแล้ว<BR/>ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดใบไม้ปลิวร่วงหล่นจากต้นไม้ใหญ่<BR/>เจ้าแมลงปอจำต้องจากที่นี่ไปแล้ว<BR/>นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้บินมาเกาะที่บ่าของหญิงสาว<BR/>เขาอยากใช้ปีกของเขาลูบใบหน้าของหญิงสาว<BR/>อยากใช้ปากเล็กๆ จูบที่หน้าผาก<BR/>แต่อย่างไรก็ดีร่างเล็กบอบบางในคราบของแมลงปอ<BR/>ก็ไม่สามารถเรียกร้องความสนใจจากหญิงสาวได้<BR/><BR/>แค่พริบตา ฤดูใบไม้ผลิก็มาเยือน<BR/>เจ้าแมลงปอรีบบินกลับมาหาคนรักของเขา<BR/>เพื่อจะพบว่าร่างอันคุ้นตานั้น บัดนี้ได้ยืนเคียงคู่อยู่กับชายรูปร่างสันทัดคนหนึ่ง<BR/>ภาพๆ นั้นทำให้เจ้าแมลงปอเกือบจะบินตกลงมาจากอากาศเลยทีเดียว<BR/>ชาวบ้านต่างกล่าวขานถึงเรื่องอุบัติเหตุที่ทำให้หญิงสาวได้รับบาดเจ็บสาหัส<BR/>ทำให้ได้พบกับแพทย์หนุ่มที่น่ารัก และ ใจดี คนนั้น<BR/>และยังกล่าวถึงความรักของคนทั้งคู่ที่เหมือนถูกกำหนดมาอย่างไรอย่างนั้น<BR/>แน่นอนพวกเขายังคงพูดถึงหญิงสาวที่สดใสร่าเริงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากมายนัก<BR/>เจ้าแมลงปอรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก<BR/><BR/>หลังจากนั้นไม่กี่วัน<BR/>แมลงปอเห็นแพทย์หนุ่มผู้นั้นพาคนรักของตนไปชายทะเลเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น<BR/>พลบค่ำก็อยู่(ที่)ชายหาดเพื่อดูพระอาทิตย์ตก<BR/><BR/>แต่สำหรับเขาแล้ว<BR/>นอกจากบินมาเกาะที่บ่าของหญิงสาวแล้ว เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย<BR/>หน้าร้อนของปีนี้ช่างยาวนานนัก<BR/>เจ้าแมลงปอบินต่ำลงๆ ทุกวันด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด<BR/>เขาไม่มีเรี่ยวแรงเพียงพอที่จะบินเข้าใกล้ หญิงอันเป็นที่รัก<BR/>ท่าทางการพูดคุยกันอย่างสนิทสนมของคนทั้งคู่<BR/>เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของทั้งคู่ ทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวยิ่งนัก<BR/><BR/>ย่างเข้าฤดูร้อนของปีที่ 3<BR/>เจ้าแมลงปอไม่ค่อยไปเฝ้าดูคนรักของเขาแล้ว<BR/>บ่าของเธอบัดนี้ถูกโอบกอดด้วยมือของแพทย์หนุ่ม<BR/>ใบหน้าถูกประทับจูบอย่างเบาๆ จากเขาผู้นั้น<BR/>ดูท่าทางแล้วไม่มีทางเลยที่หญิงสาวจะมีเวลาที่จะไปคิดถึงแมลงปอที่เจ็บปวดตัวหนึ่ง<BR/>ยิ่งไม่มีทางที่จะไปคิดถึงอดีตสิ่งที่ผ่านไป<BR/>วันครบรอบปีที่ 3 ที่พระผู้เป็นกำหนดไว้ใกล้มาถึงแล้ว<BR/>คนรักของเจ้าแมลงปอกับนายแพทย์หนุ่มได้จัดพิธีแต่งงานขึ้นในวันสุดท้ายนั้นเอง<BR/>เจ้าแมลงปอค่อยๆ บินเข้าไปในโบสถ์ และไปเกาะที่บ่าของพระผู้เป็นเจ้า<BR/>เขาได้ยินเสียงของคนรักที่ดังมาจากข้างล่างตอบรับคำสาบานของพระผู้เป็นเจ้าว่า<BR/>“ฉันยอมรับ”<BR/>เขาเห็นแพทย์หนุ่มคนนั้นสวมแหวนให้คนรักของเขา<BR/>ตามด้วยจุมพิตที่แสนหวานของคนทั้งคู่<BR/>เจ้าแมลงปอปล่อยให้น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกมา<BR/>พระผู้เป็นเจ้าถามแมลงปอว่า “เจ้ารู้สึกเสียใจไหม”<BR/>เจ้าแมลงปอเช็ดน้ำตาแล้วตอบว่า “เปล่า”<BR/>พระผู้เป็นเจ้าถอนหายใจแล้วพูดต่อว่า<BR/>“งั้นพรุ่งนี้เจ้าก็ได้กลับเป็นเจ้าคนเดิมแล้ว”<BR/>เจ้าแมลงปอส่ายหน้าอย่างช้าๆ ก่อนตอบว่า<BR/>“ขอผมเป็นแมลงปออย่างนี้ไปตลอดชีวิตเถอะครับ”<BR/><BR/>บางบุพเพ(ชะตา) ถูกกำหนดมาเพื่อที่ต้องสูญเสียไป<BR/>บางบุพเพ ตอนจบไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด<BR/>รักคน ๆ หนึ่ง ไม่จำเป็นต้องได้รับรักตอบ แต่<BR/>เมื่อได้รับรักจากใครคนหนึ่งเราต้องดูแลรักษามันไว้อย่างดี<BR/><BR/>บนบ่าของคุณมีแมลงปอไหม……..Anonymoushttps://www.blogger.com/profile/18437556656813148515noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-4488660148379726510.post-48671577906402940572007-09-17T20:12:00.000-07:002007-09-17T20:12:00.000-07:00เช้าวันหนึ่ง..ที่โรงพยาบาล..."ขอให้ชั้นดูหน้าลูกหน...เช้าวันหนึ่ง..ที่โรงพยาบาล...<BR/><BR/>"ขอให้ชั้นดูหน้าลูกหน่อย..ได้มั๊ยคะ"<BR/>คุณแม่คนใหม่เอ่ยขึ้น..<BR/><BR/>เมื่อห่อผ้าน้อย ๆ ..อยู่ในอ้อมกอดเธอ เธอค่อย ๆ คลี่ผ้าที่ห่อออก..<BR/>เพื่อมองใบหน้าเล็ก ๆ ..<BR/>...<BR/>...<BR/>กรี๊ดดดด.....เธอกรีดร้อง<BR/>...<BR/>หมอต้องอุ้มเด็ก..ออกไปอย่างรวดเร็ว<BR/>**เด็กทารกที่เกิดมา...ไม่มีใบหู**<BR/><BR/>และแล้ว....กาลเวลาพิสูจน์ว่า.... การได้ยินของเจ้าหนู..ไม่มีปัญหา<BR/>ปัญหา..มีเฉพาะสิ่งที่มองเห็นภายนอก คือ....ใบหูที่หายไป<BR/>หลายครั้ง..ที่เจ้าหนูกลับจากโรงเรียน แล้ววิ่งมาบอกแม่<BR/>เธอรู้ว่า..หัวใจลูกปวดร้าวแค่ไหน...<BR/><BR/>เจ้าหนูพูดโพล่งออกมา..อย่างน่าเศร้า<BR/>"พวกเด็กตัวโต ..พวกมันล้อผมว่า<BR/>--ไอ้ตัวประหลาด--"<BR/><BR/>จนกระทั่ง... เจ้าหนูเติบโตขึ้น..หล่อเหลา.. เป็นที่รักของเพื่อน ๆ..<BR/>เค้ามีพรสวรรค์ ในด้านอักษรศาสตร์.. วรรณคดี..และดนตรี..<BR/>เค้าอาจได้เป็นหัวหน้าชั้น<BR/>แต่เพราะเจ้าสิ่งนั้น... ทำให้เค้า..ไม่อยากเจอใคร<BR/>"ลูกต้องพบปะกับผู้คนบ้างนะลูก" แม่กล่าว..ด้วยความสงสารลูก<BR/><BR/>พ่อของเด็กชาย.. ปรึกษากับหมอประจำครอบครัว<BR/>และได้รับข่าวดีจากหมอว่า...<BR/>"ผมสามารถปลูกถ่ายใบหูได้ครับ ถ้ามีผู้บริจาค..แต่ใครล่ะ..<BR/>จะเสียสละใบหู..เพื่อเด็กน้อยคนนี้" คุณหมอกล่าว<BR/><BR/>จนกระทั่ง ...2 ปีผ่านไป พ่อบอกกับลูกชาย..<BR/>"ลูกเตรียมตัวไปโรงพยาบาลนะ พ่อกับแม่..หาคนบริจาคใบหู<BR/>ที่ลูกต้องการได้แล้ว...<BR/>แต่นี่เป็นความลับ"<BR/><BR/>การผ่าตัด..สำเร็จด้วยดี และแล้ว...คนคนใหม่ก็เกิดขึ้น..<BR/>....เค้ากลายเป็น..ผู้มีพรสวรรค์...<BR/>เป็นอัจฉริยะในโรงเรียน...ในวิทยาลัย<BR/>จนเป็นที่กล่าวขานกัน..รุ่นต่อรุ่น<BR/>ต่อมาได้แต่งงาน... และทำงาน.. เป็นข้าราชการในสถานทูต<BR/><BR/>วันหนึ่ง.. ชายหนุ่มถามผู้เป็นพ่อว่า..<BR/>"พ่อครับ.. ใครเป็นคนมอบใบหูให้ผมมา ใครช่างให้ผมได้มากมาย..<BR/>แต่ผมไม่เคยทำอะไร.. เพื่อเค้าได้เลยสักนิด"<BR/>"พ่อไม่เชื่อว่า.. ลูกจะตอบแทนเค้าได้หมดหรอก..<BR/>เรื่องนี้..เป็นความลับ เราตกลงกันแล้ว"<BR/>พ่อตอบ..<BR/><BR/>หลายปีผ่านไป....<BR/>มันยังคงเป็นความลับ<BR/>และแล้ว..วันนึง..วันที่มืดมิดที่สุด.. ผ่านเข้ามา..ในชีวิตของลูกชาย<BR/><BR/>แม่เค้าได้เสียชีวิตลง..<BR/>เค้ายืนข้าง ๆ พ่อ... ใกล้หีบศพของแม่<BR/>พ่อเรียกเค้า..<BR/>"มานี่สิลูก..มานั่งใกล้ ๆ นี่"<BR/>พ่อลูบผมแม่อย่างช้า ๆ..และนุ่มนวล<BR/>ผมสีน้ำตาลแดง..ถูกเสยขึ้น จนมองเห็นใบหน้า..<BR/>ที่มองดูเหมือนคนนอนหลับ<BR/><BR/>...และแล้ว.. สิ่งที่ทำให้ลูกชาย..ถึงกับต้องตะลึง..<BR/>...ใบหูของแม่...หายไป!..<BR/><BR/>แม่ไม่มีใบหู...<BR/>"นี่เป็นคำตอบ.. ที่ลูกอยากรู้มาตลอดชีวิต"...<BR/><BR/>พ่อกระซิบผ่านลูกชาย<BR/>"แม่บอกพ่อว่า..เธอดีใจ.. ที่ได้ทำอย่างนี้..ตั้งแต่วันผ่าตัด..<BR/>แม่ไม่เคยตัดผมอีกเลย..<BR/>ไม่มีใคร..มองเห็นว่า.. เธอไม่สวยจริงมั๊ย?<BR/><BR/><BR/>- - - - - - - - - - - - - -<BR/><BR/>จงจำไว้..<BR/>~สิ่งมีค่า..ที่แท้จริง~<BR/>ไม่ได้อยู่ที่..การมองเห็น.. หากแต่อยู่ที่..<BR/>~สิ่งที่เรา..มองไม่เห็น~<BR/>- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -<BR/><BR/>~ความรัก..ที่แท้จริง~<BR/>ไม่ได้อยู่ที่.. เราได้ทำอะไร.. แล้วมีคน..รับรู้..<BR/>หากแต่อยู่ที่.. สิ่งที่เรา..กระทำ..แล้วไม่มีใคร..รับรู้ ..<BR/><BR/>- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -<BR/><BR/>~ความรัก~<BR/>บางครั้ง.. ไม่จำเป็น.. ต้องพูดพร่ำเพรื่อ..<BR/>หากแต่อยู่ที่....การกระทำ.. ซึ่งเรา..อาจรับรู้..<BR/>เพียงแค่..ฝ่ายเดียว..<BR/><BR/><BR/>- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -<BR/><BR/>อ่านจบแล้ว....ลองตรึกตรองสักนิด..<BR/><BR/>ถ้าพรุ่งนี้..เราตายไป..<BR/>บริษัท..สามารถหาคนมาแทนเราได้<BR/>ภายในไม่กี่วัน..<BR/><BR/>แต่ครอบครัวเรา..<BR/>ต้องสูญเสีย..<BR/>และคิดถึงเรา..ไปตลอด<BR/><BR/>เราได้ใช้ชีวิต..กับการทำงาน<BR/>มากกว่าครอบครัว..หรือเปล่า?<BR/><BR/>ถ้ามากกว่า...<BR/>ก็เป็นการลงทุน..ที่ไม่ฉลาดเลยจริง ๆ..<BR/><BR/>[ส่งต่อเรื่องดีๆมาจาก.. คุณอรพรรณ ศรีวิชัย นักศึกษาปริญญาเอกมหาวิทยาลัยมหิดล]Anonymoushttps://www.blogger.com/profile/18437556656813148515noreply@blogger.com