Tuesday, September 6, 2016

หยกใสร่ายคำในวงวรรณ :

นับเป็นการฟังสัมมนาทางภาษา:คติชน ที่คุ้มค่ามาก ๆ มุมมองอันหลากหลายเก็บไว้เป็นประวัติและเผยแพร่ให้กับผู้สนใจได้ฟัง

มองสังคมชาวจีนภาคใต้ผ่านพระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวคราวเสด็จประพาสแหลมมลายู ดร.เจษฎา นิลสงวนเดชะ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

กลวิธีการแปลบทธารณีสูตรประเภทเพิ่งเสียงอ่านพิเศษ:กรณีศึกษาผลงานพระอโมฆวัชระ>ดร.จตุวิทย์ แก้วสุวรรณ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

เทพ"เจ้าที่"ตามคติความเชื่อของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีน:ความเหมือนและความต่าง >รศ.ดร.สุรสิทธิ์ อมรวณิชศักดิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เทพ"เจ้าที่"ตามคติความเชื่อของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีน:ความเหมือนและความต่าง >รศ.ดร.สุรสิทธิ์ อมรวณิชศักดิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ต่อ)

"การศึกษา"กับ"สตรี"ในประวัติศาสตร์จีน>ดร.ศิริวรรณ วรชัยยุทธ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

Saturday, October 12, 2013

EDUCA 2013

EDUCA2013
นายสัจจพงษ์  ญาตินิยม
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

หลังจากได้เข้าฟังการถ่ายทอดความรู้จากผู้มีประสบการณ์ทางด้านการศึกษา งาน EDUCA2013 ใน 4 ประเด็น คือ นวัตกรรมการวางแผนเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา การยกระดับคุณภาพครูด้วยการเรียนเชิงรุกออนไลน์  แนวคิดการเรียนรู้แบบ STEM  และเทคนิคการวิจัยในชั้นเรียนเพื่อประกันคุณภาพได้ข้อสรุปตามประเด็นที่กล่าวมา ดังนี้

นวัตกรรมการวางแผนเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา เป็นหัวข้อที่บรรยายโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนของกระทรวงศึกษาธิการคือ ดร.รังสรรค์ มณีเล็ก ที่ปรึกษา สพฐ. อดีต ผอ. สำนักนโยบายและแผนของกระทรวง ที่เสนอมุมมองของการนำเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์/การบริหารธุรกิจ เช่น Strategic Planning, Scenario Planning, TQM, PETS, RART, Six Sigma  และ Benchmarking มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างน่าสนใจ โดยยกตัวอย่างประกอบได้อย่างชัดเจน เช่น วงจรการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ขั้นวิเคราะห์ปัญหา ต้องใช้เครื่องมือ Meta SWOT ขั้นการหาสาเหตุ ใช้ Logic Model หรือขึ้นการสร้างทางเลือก ใช้เครื่องมือ PART PPMGO Strategic Map หรือ Benchmarking มาช่วยในการจัดการ ช่วงดำเนินการอยู่ก็ใช้ internal control, Risk management หรือขั้นติดตามผล ก็ใช้ PETS ,PART เป็นต้น

การยกระดับคุณภาพครูด้วยการเรียนเชิงรุกออนไลน์ บรรยายโดย ดร.ประกอบ กรณีกิจ ผู้ช่วยศาตราจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นการนำเสนอแนวคิดและภาพอนาคตของระบบการพัฒนาครู ผ่านระบบออนไลน์ โดยใช้เว็บไซด์เป็นฐานในการพัฒนา มีเนื้อหาที่ประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญ คือ บทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ ระบบการจัดการเรียนรู้ การติดต่อสื่อสาร และการประเมินผลการเรียน และมีการนำมาเนื้อหาจากรายการโทรทัศน์ครู มาฉายซ้ำ มีความคาดหวังว่าจะช่วยยกระดับคุณภาพของครูไทยได้

เติม STEM ให้เต็ม STAEM บรรยายโดย ดร.ยศวีร์ สายฟ้า คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นหัวข้อด้านแนวคิดการจัดการศึกษาโดยเน้นไปที่กลุ่มที่ต้องการพัฒนาเฉพาะทาง  STEM จึงประกอบด้วยวิชาที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ อันได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ โดยเชื่อว่ากลุ่มวิชาเหล่านี้เป็นสาขาที่จะเตรียมคนให้พร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานและภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงจัดการศึกษาให้กับนักเรียนทุกระดับ จึงไม่ต้องสงสัยที่ STEM เป็นนโยบายสำคัญของนายโอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา  ที่ผลักดันและคาดหวังกับ STEM เป็นอย่างมาก โดยเน้นถึงความเสมอภาค และมองไปอย่างครบถ้วนถึงการพัฒนาครู และที่สำคัญคือผู้เรียนเมื่อผ่านการเรียนแล้วต้องมีคุณสมบัติเพิ่ม เช่น ความสามารถในการแก้ปัญหา การเป็นนวัตกร มีความสามารถในการพึ่งพาตนเอง มีการคิดอย่างมีเหตุผลเชิงตรรกะ มีความสามารถในการรู้และใช้เทคโนโลยี และการคิดเชื่อมโยงเอาองค์ความรู้ไปใช้ในชีวิตการทำงานได้ นักวิชาการหลายท่านได้เสนอความเห็นว่า ควรจะเพิ่มให้เป็น STEAM ด้วย หมายถึง เพิ่มวิชาศิลปะ (ART) เพื่อให้นักเรียนนั้นพัฒนาทักษะได้อย่างรอบด้าน และสมดุล ส่วนการจัดการเรียนรู้ให้นักเรียนมีทักษะครบถ้วนนั้น

 ประเด็นสุดท้ายคือ เทคนิคการวิจัยในชั้นเรียนเพื่อประกันคุณภาพการศึกษา บรรยายโดย ดร. อิทธิพัทธ์ สุวทันพรกูล อาจารย์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ที่มุ่งเน้นสร้างความเข้าใจในหลักการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน ผ่านคำถาม 20 คำถาม และรูปแบบการอบรมที่เหมือนเรียนในห้องเรียนจริงมีการวัดผลก่อนเรียนและหลังเรียนด้วย โดยเนื้อหาสำคัญคือ การวิจัยในชั้นเรียน เป็นการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นไปตามเป้าหมาย และพัฒนาผู้สอนให้สอนอย่างมีประสิทธิภาพ และลดปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างสอนโดยการวิจัยในชั้นเรียน ผ่านขึ้นตอน PAOR (Plan>Action>Observation>Reflection) และประเด็นด้านสถิติที่น่าสนใจคือ การวัดความสามารถของผู้เรียนผ่านคะแนนพัฒนาการ (หลังสอบ – ก่อนสอบ / เต็ม – ก่อน x 100)  จะสะดวกกว่าการใช้ T-Test หรือ ANOVA นอกจากนี้แล้วยังเสนอถึงรูปแบบการเขียนรายงานการวิจัยที่ไม่จำเป็นถึง 5 บท แต่เน้นให้เขียนแล้วสามารถนำไปใช้ได้จริง

ภาพในอนาคตที่ข้าพเจ้าจะพยายามนำมาใช้ให้เกิดผล โดยการนำ 4 ประเด็นที่ได้รับฟังมาประยุกต์ในหน้าที่ คือ วิธีคิดของนวัตกรรมการวางแผนเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาในประเด็นเทคนิคในการบริหารการเปลี่ยนแปลง เพราะเข้าใจว่า หากมีการขยับอะไรก็ตามในองค์กร การเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นอาจทำให้คนเจ็บปวด  แต่วิทยากรได้ชี้ให้เห็นว่า การทำข้ามขั้นตอนเป็นส่วนหนึ่งของความไม่สำเร็จ ขั้นแรกสุดของการบริหารความเปลี่ยนแปลงคือ การ การบิ้วอารมณ์ (สร้างความรู้สึกร่วม) ให้คนเห็นความสำคัญ จากนั้นหาคนคิดร่วมกันอย่างน้อยความเกินครึ่งของประชากร (สร้างทีมงาน) และสร้างภาพความสำเร็จให้เห็นในจินตนาการก่อน (กำหนดวิสัยทัศน์) เผยแพร่ให้คนทั้งหมดรู้ (สื่อสารวิสัยทัศน์) ที่เหลือที่ส่งเสริม สนับสนุนและสร้างความสำเร็จระยะสั้นให้เกิดขึ้น ชื่นชมผู้ทำงาน ขยายผลและสร้างวัฒนธรรมการเปลี่ยนแปลงให้คงอยู่

แนวความคิดที่น่าสนใจอีกอย่างคือ หลักของประสิทธิภาพ (ประโยชน์สูงประหยัดสุด เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในและภายนอก) และประสิทธิผล (ได้ผลตรงเป้าหมาย) จะนำมาปรับประยุกต์ใช้ในการบริหารโรงเรียน เช่น การพิจารณางบประมาณ ให้พิจารณาโดยดูผลงานก่อน  หรือหากมีอะไรบกพร่องกลุ่มหรือบุคคลนั้นต้องถูกคิดบัญชี (Accountability) นอกจากนี้แล้ววิทยากรได้อธิบายหลักการปรับตัวสู่ปัจจัยภายนอกที่ควบคุมยาก มี 2 อย่าง คือ ปรับสินค้า(เป็นไปตามความต้องการของคน) และปรับสภาพแวดล้อม (ให้คนอยากได้สินค้า) โดยโรงเรียนต้องออกมายืนมองตัวเองนอกโรงเรียนแล้วว่า สภาพแวดล้อมต้องการเราในแบบใด ในส่วนตัวหลักสูตร เราจะต้องเติมเต็มแนวคิดของ STEM หรือ STAEM ให้กับเด็กนักเรียนของเรา เพื่อทำให้เป็นบุคคลยุคใหม่สอดคล้องกับความต้องการของ AEC หรือของโลก โดยไม่ทิ้งการพัฒนาครูเชิงรุกให้รับความรู้เท่าทันกับสังคมโลกและทำงานวิจัยที่เกิดผลดีจริงกับนักเรียน ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการเชื่อมโยงนโยบายกับภาพของวิสัยทัศน์ใหม่ที่ผ่านการวิเคราะห์ความต้องการที่แท้จริงของสังคมให้ได้

Sunday, March 10, 2013

โครงการพัฒนาศักยภาพผู้มีผลการเรียนก้า่วหน้าและผลการเรียนเป็นเลิศสู่กลุ่มประเทศอาเซียน : ณ เวียดนาม



รายงานผลการ:โครงการพัฒนาศึกษาภาพนักเรียนที่มีผลการเรียนก้าวหน้าและผลการเรียนเป็นเลิศสู่กลุ่มประเทศอาเซียน : เวียดนาม

ระหว่างวันที่ 11-14 มีนาคม 2556

         นักเรียนมีความพึงพอใจในการเข้าร่วมโครงการพัฒนาศึกษาภาพนักเรียนที่มีผลการเรียนก้าวหน้าและผลการเรียนเป็นเลิศสู่กลุ่มประเทศอาเซียน : เวียดนาม

จำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ 46 คน ตอบแบบสอบถาม 33 คน

1. ความภาคภูมิใจในต่อผลการเรียนของตนเอง ผลความพึงพอใจระดับดีและดีมากที่ ร้อยละ 66.00
2. การประชาสัมพันธ์โครงการ ผลความพึงพอใจระดับดีและดีมากที่ ร้อยละ 66.00
3. ความเหมาะสมของระยะเวลาการจัดโครงการ ผลความพึงพอใจระดับดีและดีมากที่ ร้อยละ 72.00
4. ความเหมาะสมของสถานที่ ในการเดินทาง ผลความพึงพอใจระดับดีและดีมากที่ ร้อยละ 75.00
5. ความเหมานะสมของอาคาร ตลอดการเดินทาง ผลความพึงพอใจระดับดีและดีมากที่ ร้อยละ 73.00
6. ความพึงพอใจโดยภาพรวม ผลความพึงพอใจระดับดีและดีมากที่ ร้อยละ 88.00

วิธีปฏิบัติตนให้ประสบความสำเร็จในการเรียน
1.  คิดถึงพ่อแม่เป็นที่ตั้ง 
2.  วิธีของผมไม่ได้มาจากความตั้งใจของตัวของพ่อและแม่ของผม ท่านบอกผมว่าถ้าทำผลการเรียนให้มากกว่าที่กำหนดไว้จะได้รางวัลจากท่าน เริ่มต้นผลการเรียนที่กำหนดก็จะไม่สูงมาก พอที่เราจะพยายามทำได้ถึง ตอนประกาศผล ผลออกมาว่าทำได้ดีกว่าที่ท่านกำหนดไว้มาก รู้สึกภูมิใจกับตัวเอง และอยากจะพยายามให้มากกว่านี้อีก ผลก็จะออกมาดีกว่านี้ออก ทำให้เมื่อถึงเวลาประกาศผลการเรียนทุกครั้งผมจะรู้สึกตื่นเต้นกับมันและมีความสุขกับมัน ต่างจากเพื่อนๆที่ไม่อยากจะดูผลการเรียนของตัวเอง
3.  ตั้งใจ มุ่ง ขยัน จะทำได้
4.  ตั้งใจเรียน ส่งงานตลอด
5.  การเรียนเราไม่ต้องไปซีเรียสมาก อย่าไปเครียดเรียนให้สนุก ทำตัวให้สนุกกับการเรียน ชีวิตในวัยเรียนเป็นอะไรที่สนุกมากๆๆๆ มาๆๆๆเข้าเรื่องดีกว่า ไม่มีไรมากครับ ไม่ต้องไปเเข่งกับใคร เราเเข่งกับตัวเองก็พอเเล้วครับ เเล้วก็ตามงาน ส่งให้ครบ ถ้าอาจารย์ไม่ให้ส่งเราก็ตามอีกนะครับ เราต้องอาศัยความหน้าด้านของเราเข้าเเรก ผมก็ใช้วิธีนี้หละครับ สุดท้ายอาจารย์แกก็ยอมเเพ้ความหน้าด้านเราเอง
6.   ตั้งใจเรียนในห้อง แล้วกลับมาทบทวน ใส่ใจกับการบ้านหรืองานที่ได้รับมอบหมายและส่งให้ตรงเวลา เรียนพิเศษเป็นเพียงการเรียนเสริม สรุปแล้วจะเรียนอะไรก็ต้องตั้งใจ และทำตามที่อาจารย์แนะนำ จึงจะได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์
7.  ตั้งจุดมุ่งหมายของตนเอง พยายามที่จะทำได้ตามจุดมุ่งหมาย ขยัน ตั้งมั่น ตั้งใจ ที่จะทำออกมาให้ได้ดีที่สุด 
8.  ตั้งความหวังในการเรียนไว้ให้สูงที่สุดเพราะถ้าหากพลาดหวังเเล้วจะได้ในสิ่งที่รองลงมา เเต่อย่าตั้งความหวังในสิ่งที่ไม่ใช่ที่สุดเพราะถ้าหากพลาดหวังเเล้วจะได้ในสิ่งที่ด้อยกว่า.
9.       ส่งงานที่อาจารย์สั่งให้ครบ ตั้งใจฟังอาจารย์สอน แล้วอ่านหนังสือทบทวน หลังเรียนและก่อนสอบ
10.   ตั้งใจเรียนในห้องให้เข้าใจเนื้อหาที่อาจารย์แล้วกลับมาทบทวนเองอีกที
11.   เอาใจใส่กับการเรียนให้มากๆ หมั่นขยันส่งงานและเข้าเรียนให้ครบทุกคาบ
12.   ตั้งใจเรียนเข้าเรียนทุกคาบ ไม่คุยในห้องเรียน ส่งงานให้ครบตั้งใจเรียนในห้องให้ดี อ่านทบทวนให้เข้าใจ จดโน้ตย่อเป็นของตัวเอง แล้วก็นั่งทบทวนสิ่งที่เขียน ไม่เข้าใจถามอาจารย์ผู้สอนคะ
13.   ตั้งใจเรียนในห้องให้มากๆ จะได้ไม่เสียเวลาในการเรียนพิเศษ
14.   ทบทวนหนังสือ ถ้าเราตั้งใจเรียน ทบทวนบ้างเราก็จะเข้าใจได้อย่างง่ายดาย
15.   ทำกิจกรรมไปด้วยควบคู่กับการเรียน เราต้องพยายามทำในสิ่งที่เราทำได้ในห้อง หรือช่วยงานส่วนรวม
16.   แบ่งเวลาให้เป็น พักผ่อนบ้าง มีเล่นบ้าง การเรียนไม่ใช่เรื่องเครียด
17.   รู้จักหน้าที่ของตัวเอง ทำงานให้เสร็จ ไม่ใช่ทำพอส่งๆ ตั้งใจทำให้ดีที่สุด
18.   หาจุดมุ่งหมายที่เป็นแรงบันดาลใจที่มีพลังที่สุด
19.   ตั้งใจเรียนในห้องให้ดี ทำงานส่งอย่างสม่ำเสมอ มีการเตรียมตัวก่อนสอบที่ดี พักผ่อนให้เพียงพอ และต้องผ่อนคลายให้มากที่สุด
20.   ตั้งใจเรียน อ่านหนังสือ ตามงาน มีเป้าหมายตั้งใจเรียนในห้อง แล้วกลับมาทบทวน ใส่ใจกับการบ้านหรืองานที่ได้รับมอบหมายและส่งให้ตรงเวลา เรียนพิเศษเป็นเพียงการเรียนเสริม สรุปแล้วจะเรียนอะไรก็ต้องตั้งใจ และทำตามที่อาจารย์แนะนำ จึงจะได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์
21.   ตั้งใจเรียน พยายามส่งงานให้ครบ ตามงานกับอาจารย์
22.   มีความสนใจในการเรียน พยายามประคับประคองตัวเองให้ดี อย่าให้เกรดตก ต้องพยายามให้เกรดมันพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ใส่ใจในการเรียน การบ้านที่อาจารย์สั่ง ตั้งใจเรียนในห้องเรียน แค่นี้ก็สามารถประสบความสำเร็จได้แล้ว
23.   ตั้งใจฟังในขณะที่อาจารย์สอน ส่งงานทุกงานให้ครบ สอบให้ครบ
24.   ส่งงานให้ครบทุกงาน และ สอบให้ผ่านหาแรงผลักดันอันดีที่สุดของเรา ส่งงานให้ครบ อ่านหนังสือทบทวน เรียนพิเศษ
25.   ตั้งใจเรียน อ่านหนังสือ ควรที่จะอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ให้เพื่อถามเรา คิดว่าทำได้เท่าไรเอาเท่านั้น
26.   ส่งงานให้ครบ อ่านหนังสือทบทวน เรียนพิเศษ
27.   ขยันอ่านหนังสือตั้งใจเรียนในห้องส่งงานตามที่สั่ง
28.   ส่งงานที่อาจารย์สั่งทุกครั้งและต้องทำด้วยตนเองเท่านั้น ในเนื้อหาวิชาใดที่ไม่เข้าใจให้รีบถามอาจารย์หรือเพื่อนๆ ที่สามารถให้ความรู้แก่เราได้ ไม่ควรเก็บความสงสัยไว้กับตนเอง ต้องทบทวนเนื้อหาวิชาที่เรียนสม่ำเสมอ ไม่อย่างนั้นจะต้องอ่านอย่างหนักในเวลาที่ใกล้สอบ Mid-term หรือ Final ซึ่งบางครั้งก็ไม่สามารถอ่านได้ทัน และควรศึกษาความรู้เพิ่มเติมบ้างในวิชานั้นๆ เพื่อความเข้าใจในการเรียนมากขึ้น
29.   ส่งงาน ตามงาน ค่อยถามเพื่อนว่ามีงานไรบ้างต้องตั้งใจอ่านหนังสือ เเละหมั่นทบทวนบทเรียนที่เรียนมา
30.    ทำความเข้าใจในวันที่เรียนให้ได้มากที่สุด จะทำให้ไม่ต้องมาเสียเวลานั่งอ่านใหม่หมดเเล้วจะช่วยให้เรียนได้เข้าใจเเละมีความสุขมากขึ้นค่ะพยายามต่อไปอย่าท้อแท้งานเยอะก็พยายามส่งให้หมดถ้ามีสอบเก็บคะแนนก็ต้องอ่านหนังสือ(อ่านตอนใกล้จะสอบอาจทำให้จำได้ดีกว่าแล้วแต่เทคนิค)
31.   ขยัน ตั้งใจทำงานและเรียนหนังสือ

  
ความคาดหวังในการทัศนศึกษา ...(ก่อนเดินทาง)

1.  คิดว่าการทัศนศึกษาครั้งนี้อย่างน้อยๆ จะต้องได้เรียนรู้เรื่องภาษา ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเวียดนาม และการเตรียมพร้อมในการเข้าสู่การเป็นอาเซียน
2.  อยากจะพบเจอวิถีชีวิตขณะระหว่างที่เดินทางไปยังจุดหมายของประเทศเพื่อนบ้าน ความเป็นมิตรของชาวลาวและชาวเวียดนาม
3.  น่าจะเป็นที่ที่สามารถให้ผมได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆในชีวิตและแนวคิดในการดำเนินชีวิตจริง
4.       ได้ท่องเที่ยวและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเวียดนามในสมัยก่อน ความเป็นมาต่างๆนึกว่าจะได้เล่นน้ำ ทะเล
5.   ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก อยากดูวัฒนธรรม วิถีชีวิต และอาหารการกินของคนประเทศเวียดนาม
6.   ศึกษาวิถีชีวิต แหล่งอารยธรรม และสถานที่สำคัญของประเทศเวียดนาม
7.   ในการทัศนศึกษาก่อนเดินทางมีความคาดหวังว่าในการเดินทางจะมีเเต่ความสนุกสนาน ไปเที่ยวในสถานที่ดีๆ ที่พักสะดวกสบาย เพื่อนๆที่ร่วมเดินทางมีความเป็นมิตร ไม่พบกับความลำบากเเละมีเเต่ความสุข
8.   จะได้ไปเที่ยวในสถานที่ที่น่าชม เห็นความเป็นอยู่และวัฒนธรรมของคนเวียดนาม และมีความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ได้รับประทานอาหารอร่อย 
9.   ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรไว้ครับ ขอแค่สนุกก็พอ อิอิ
10. ได้รับประสบการณ์ในการเรียนรู้วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของประเทศเวียดนาม
11. ขอให้สนุก ตื่นเต้น
12. ประสบการณ์การไปต่างประเทศ หลายๆอย่างที่เราไม่เคยเจอ ไม่เคยกิน ไม่เคยได้ไปสัมผัส ว่าบ้านเมืองเขาแตกต่างกับเรายังไง ก็จะได้ไปเห็นวันนี้แหละ
13. ได้ประสบการณ์ในต่างประเทศ -มีความกล้าแสดงออกมากยิ่งขึ้น ได้ใช้ภาษาอื่นๆ -ได้ความรู้รอบตัวใหม่ๆ -ได้ความสนุก มิตรภาพจากเพื่อน อาจารย์ รุ่นพี่ รุ่นน้อง
14. ได้เปิดโลกทัศน์ของชีวิตให้ก้าวไกลขึ้นอีกขั้นและพัฒนากายและใจได้ดีขึ้นด้วยการสะสมประสบการณ์
15. คิดว่าจะไปอย่างทุลักทุเล ค่อนข้างจะลำบาก และไปในสถานที่ที่ไม่หลากหลาย
16. นึกว่าจะลำบากกว่านี้ แต่พอไปจริงๆก็สนุกดี 
17.ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก อยากดูวัฒนธรรม วิถีชีวิต และอาหารการกินของคนประเทศเวียดนาม
18. ขอให้สนุก
19. นึกว่าจะได้เล่นน้ำ ทะเล
20. ก่อนเดินทางไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่คิดว่าอยากให้การเดินทางครั้งนี้ไปอย่างมีความสุข สนุกสนาน เดินทางโดยสวัสดิภาพ ไม่โดนขโมยของอะไรประมาณนี้ค่ะ แต่สิ่งที่ได้เจอในการเดินทางครั้งนี้ดีกว่าที่คาดหวังไว้มาก สนุกสุดๆ วิวสวย ได้ไปเที่ยวหลายที่ มีความสุขมากค่ะ
21. หวังให้ได้นอนที่พักดีๆ ทัวร์ดีๆ ทานอาหารดีๆ ได้ไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆให้คุ่มค่าและเวลาที่มา ได้รู้จักกับรุ่นพี่รุ่นน้องในโรงเรียนเพิ่มมากขึ้น
22. หวังว่าโรงเรียนจากพาไปที่เที่ยวที่สนุกสนานและหวังว่าจะเป็นการเดินทางที่สนุก
23. ได้เรียนรู้และเปิดโลกทัศน์
24. ขอให้สนุก ตื่นเต้น
25. เดินทางปลอดภัย ไม่มีอุบัติเหตุ
26. ขอให้สนุก ตื่นเต้นปลอดภัยตลอดการเดินทาง
27. ได้รับความสะดวกสบายในการเดินทาง ได้ศึกษาวัฒนธรรมในเวียดนามได้อย่างเต็มที่ 
28. สนุก ได้เจออะไรใหม่ๆ ความรู้
29. คาดหวังที่จะเห็นภูมิประเทศใหม่ๆ รวมทั้งการพัฒนาของประชากร การศึกษาเเละเทคโนโลยีของประเทศเพื่อนบ้าน ที่จะสามารถนำมาปรับใช้เเละเอาเป็นตัวอย่างในการพัฒนาตนเองเเละประเทศชาติได้ค่ะ
30. คิดว่าจะได้ขึ้นเครื่องบิน
31. หวังว่าจะได้ประสบการณ์ ได้ความรู้ และการท่องเที่ยว


ความประทับใจในการเดินทาง (ระหว่างเดินทาง พิมพ์จากเอกสารที่แจกในบันทึก)

1.       การเดินทางไปทัศนศึกษาที่ประเทศเวียดนาม เริ่มต้นจากวันแรกที่เราเริ่มออกเดินทางจากโรงเรียนวันที่ 11 มีนาคม 2556 เวลา 4.00 น. โดยเดินทางผ่านทาง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ไปยังด่านที่ จ.มุกดาหาร โดยจอดรับประทานอาหารตามเซเว่นข้างทาง แล้วเดินทางผ่านประเทศลาวใช้เวลาในประเทศลาวประมาณ 6-7 ชั่วโมง ซึ่งถนนเป็นหลุมเป็นบ่ออย่างมาก หลับค่อนข้างยาก นั่งเฉยๆก็ค่อนข้างยากเช่นกัน เราก็ถึงยังประเทศเวียดนาม ซึ่งได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีมาก ไกดประเทศเวียดนามก็พูดภาษาไทยได้ค่อนข้างชัด สถานที่ที่เราเยี่ยมชมเป็นอย่างแรกคือ อุโมงวินห์ม็อก เป็นอุโมงที่ชาวเวียดนามใช้หลบภัยใต้ดินในช่วงสงครามเวียดกง ซึ่งมีทั้งหมด 3 ชั้น ภายในนั้นมีทั้งห้องพยาบาล ห้องนอน ห้องระชุม ห้องครัว ฯลฯ ชาวเวียดนามอาศัยอยู่ที่นั่นทั้งหมดประมาณ 6 ปี เวลานอนจะนั่งนอนเพื่อเป็นการประหยัดพื้นที่ ภายในอุโมงจะมีด่านป้องกันคนต่างๆ มากมาย เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับคนที่อยู่ในอุโมง แต่ภายในอุโมงค่อนข้างหายใจยาก จึงสำรวจได้ไม่นาน อุโมงค์ค่อนข้างกว้างมีทั้งด้านที่ติดภูเขา และติดทะเล หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางไปรับประทานอาหารเย็นเวลา 3 ทุ่ม ซึ่งดึกมากโดยมีอาหารมากมายจนทานเหลือแทบทุกโต๊ะ และมีของหวานเป็นผลไม้ คือกล้วย ซึ่งอยู่ที่เวียดนามเวลาทานกล้วย จะทานตั้งแต่ตอนมันยังสีเขียวๆ อยู่ซึ่งต่างจากบ้านเรา ห้ามรอจนมันเหลือง เพราะถ้าเปลือกมันเหลืองพอปลอกเปลือกมันก็สุกมากจนทานไม่ได้ แต่ที่เห็นเขียวๆนั้นก็สามารถทานได้ รสชาติไม่ต่างจากกล้วยเหลืองๆบ้านเรา วันที่ 2 เดินทางไปชมพระราชวังไดโหน่ย ซึ่งเป็นที่ประทับของราชวงศ์เหวียนทั้ง 13 พระองค์ เป็นพระราชวังที่ใหญ่มากโดยมีทั้งสถาปัตยกรรมจีน ญี่ปุ่น และเวียดนามผสมผสานอยู่ด้วยกัน จากนั้นเราก็เดินทางไปยังวัดเทียนมู่ ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า วัดนางฟ้า เป็นวัดที่สร้างโดยจักรพรรดิ์องค์หนึ่งของเวียดนามฝันว่ามีนางฟ้าองค์หนึ่งมาบอกว่าถ้ามาสร้างวัดไว้ที่นี่ ประเทศเวียดนามจะเจริญรุ่งเรืองขึ้น จึงสร้างวัดขึ้นตามที่นางฟ้าองค์นั้นบอก และในอดีตเจ้าอาวาสของวัดเทียนมู่นี้เคยทำการประท้วงการฉ้อราษฎร์บังหลวงของรัฐบาลไซงอน โดยการขับรสออสตินออกไปแล้วจุดไฟเผาตัวเองแต่สิ่งเดียวที่ไม่ไหมคือหัวใจ ซึ่งตอนนี้หัวใจของเจ้าอาวาสองค์นั้นเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์เมืองฮานอย แต่รถออสตินยังเก็บไว้ที่วัดเทียนมู่แห่งนี้ จากนั้นเราก็ไปรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านอาหารริมทะเล โดยประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่ติดทะเล แต่ทะเลดูไม่น่าเล่นเท่าบ้านเราเพราะคลื่นค่อนข้างแรง อากาศเย็น และน้ำไม่ใสเท่าที่บ้านเรา แต่มีการทำการประมงอย่างแผ่หลายดังนั้นอาหารหลายๆมื้อที่ทานที่ประเทศเวียดนามจึงเป็นอาหารทะเล และเวลาที่เวียดนามเป็นเวลาปกติเท่ากับเวลาประเทศไทย จากนั้นเราก็เดินทางสู่เมืองฮอยอันเพื่อเยี่ยมชมเมืองเก่าและสะพานฮอยอัน ที่เคยนำไปสร้างหนังเรื่องฮอยอันฉันรักเธอนั่นเอง โดยที่สะพานฮอยอันเป็นสะพานที่ชาวญี่ปุ่นสร้างขึ้นเนื่องจากเชื่อว่าเป็นการกลั้นไม่ให้มังการดิ้น เพราะถ้าหากมังกรดิ้นจะทำให้ญี่ปุ่นเกิดแผ่นดินไหว และตามทางที่เดินไปชมสะพานฮอยอันจะมีร้านขายของตามบ้านเก่าต่างๆ ซึ่งบรรยากาศดีมาก คล้ายๆกับเชียงคานบ้านเรา ของก็ราคาใกล้เคียงกับที่ตลาดดานัง สามารถต่อได้ แม่ค้าก็พูดภาษาไทยได้เช่นกัน วันที่ 3 เริ่มต้นโดยการไปเที่ยวที่เทือกเขาบานาฮิลล์ ซึ่งเป็นเทือกเขาที่สูงมาก บนเทือกเขาจะมีสวนสนุกเล็กๆ อยู่ข้างบน เราเดินทางชมเทือกเขาโดยเคเบิลคาร์ โดยต้องจ่ายค่าเข้าเป็นเงินคิดเป็นเงนไทยประมาณ 700 บาท เป็นระยะทางยาวมากประมาณ 3 กิโลเมตรหรือมากกว่านั้น วิวข้างล่างเคเบิลคาร์เป็นป่าไม้และน้ำตกสวยมาก พอไปถึงข้างบนซึ้งเป็นสวนสนุกมีทั้งปีนเขา หนัง 3D แบบ 360 องศา และ 5D ซึ่งที่ประเทศไทยเรายังไม่มี เป็นอะไรที่น่าประทับใจมาก พนักงานพูดภาษาอังกฤษพอได้ แต่สำเนียงค่อนข้างฟังยาก จากนั้นเราก็เดินทางไปที่ตลาดดองบา ซึ่งอยู่ไกลจากบานาฮิลล์มากจึงใช้เวลาในการเดินทางค่อนข้างนาน ที่ตลาดดองบาเป็นตลาดศูนย์กลางทางการค้าของเวียดนาม อารมย์คล้ายๆกับตลาดโรงเกลือที่ประเทศไทยบ้านเรา เราต้องต่อราคาของประมาณ 50 เปอร์เซนต์ บวก ลบอีก 10 เปอร์เซนต์ ถ้าหากไม่ได้ก็เดินหนีเลย ถ้ามันได้จริงๆ เค้าก็จะเดินมาตามเราไปซื้อ หรือถ้าไม่ได้เราก็ไปซื้อร้านอื่น วันที่ 4 เดินทางกลับตั้งแต่เช้า ถึงสารคามประมาณทุ่มกว่าๆ 
2.       ได้พบวิถีชีวิตของชาวลาวและชาวเวียดนามและมิตรไมตรี ภูมิทัศน์ริมสองฝั่งทาง ธรรมชาติของแต่ละสถานที่ทุกคนเป็นกันเองและมีระเบียบการเดินทางที่ชัดเจน
3.       พบเจอความเป็นอยู่และบ้านเมืองและการใช้ชีวิตของคนเวียดนาม
4.       ก็หลับดีครับ นอนสุดทาง เเต่ถนน ช่วงลาว หนิ โอยๆๆๆ ก็รู้สึกสนุกดีครับ ได้เปิดโลกกว้าง ได้เห็นหลายอย่างได้ฝึกพูดกับคนที่ใช้ภาษาต่างกัน อย่างน้อยก็เพิ่มความกล้าที่จะพูดกับคนอื่น ถึงเเม้จะ พูดได้น้อย ติดๆๆขัดบ้าง แต่ผมรู้สึกดีใจที่คุยกับเขาได้นิดหน่อย แต่โชว์เฟอร์ รถ ผมคุยกันไม่รู้เรื่อง555 นี่โรงเรียนเป็นที่เเรกที่เปิดซิงให้ผมได้ไปต่างประเทศ เพราะว่าไม่เคยไปเลย ขอบคุณมากนะครับ ทีเเรกนึกว่าอาจารย์โกหก พูดเล่นๆ เเต่ได้ไปจริง เสย ภูมิใจครับ เพราะน้อยคนที่จะได้ไป555
5.   ประทับใจแทบทุกอย่าง ได้เห็นทุกอย่างตามที่คาดหวังไว้ อุโมงค์หลบภัยใต้ดินเห็นแล้วก็ทึ่งและเข้าใจว่าทำไมคนเวียดนามถึงเป็นคนเก่งและสู้ชีวิต สถานที่ที่ไปแล้วสนุกที่สุดคือยอดเขาบานาฮิลล์ บรรยากาศข้างบนเย็นสบายและทิวทัศน์สวยงามมาก ได้นั่งกระเช้าไฟฟ้าผ่านภูเขาหลายลูก ข้างในมีเครื่องเล่นหลากหลาย เห็นแล้วเชื่อว่าใช้งบประมาณมหาศาลซึ่งเขากล้าลงทุนและเชื่อว่าในอนาคตคงเป็นที่ที่สร้างรายได้ได้ดี ที่ประทับใจที่สุดคือเขานำเสนอวัฒนธรรมทั้งในสมัยก่อนและปัจจุบันรวมทั้งชุดประจำชาติ อาหารประจำชาติและอื่นๆเกี่ยวกับประเทศของเขาได้ดีมาก การค้าขายเขาสามารถพูดภาษาไทยได้คล่อง ในขณะที่เราไม่รู้ภาษาของเขาเลย เป็นสิ่งที่เราน่าจะฉุกคิดได้แล้วว่าถ้าเราเปิดอาเซียนเราจะสู้เขาได้หรือไม่ เหมือนกับว่าเขาเตรียมความพร้อมมาแล้วหลายปี และพร้อมที่จะเข้าสู่อาเซียนแล้ว
6.   มีไกค์ที่คอยแนะนำสถานที่ต่างๆอยู่ตลอด มีอาหารที่สุดดยอดเกินคำบรรยาย ได้ใช้ภาษาอังกฤษ ได้ต่อราคาอย่างสนุกสนาน และมีที่พักที่หรูสุดๆ
7.   ในระหว่างการเดินทางไปทัศนศึกษาที่เวียดนามมีความประทับใจในทุกสิ่งเพราะทุกอย่างดูเเตกต่างจากเมืองไทยมาก ไม่ว่าจะเป็นถนนที่ใช้ในการเดินทางถึงเเม้จะไม่สะดวกสบายนักเเต่ก็ทำให้เราเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางได้ เเละทัศนียภาพสองข้างทางก็เเตกต่างจากเมืองไทยมาก ทำให้รู้สึกภูมิใจว่าเราเกิดในเมืองไทยที่มีความอุดมสมบูรณ์เป็นความโชคดีในชีวิต เเละจากไปทัศนศึกษาที่ประเทศเวียดนามทำให้กล้าที่จะตัดสินใจในการเดินทาง กล้าที่จะถามทางจากคนอื่น รวมถึงการกล้าที่จะใช้เเละฝึกภาษาอังกฤษไปในตัว อีกทั้งทำให้รู้จักความตรงต่อเวลา สุดท้ายนี้อยากบอกว่าการเดินทางไปทัศนศึกษาครั้งนี้เป็นการไปทัศนศึกษาที่ดีที่สุดที่เคยไปมา ปล.wi-fi ที่เวียดนามเร็วมากค่ะ:)
8.   ประทับใจการเดินทางเป็นไปอย่างสนุกสนาน มีไกด์นำเที่ยวผ่านประเทศลาวชื่อพี่ไข่คำหรือพี่หล่า เป็นสาวลาวที่สวยและใจดีมาก เราต้องเดินทางผ่าน 6 เมืองในลาวถึงจะถึงประเทศเวียดนาม ถึงประเทศเวียดนามเรามีไกด์เป็นคนเวียดนามชื่อพี่ขิม เป็นคนเฟร์นลี่และพูดเก่ง เราได้ไปเที่ยวหลายที่ แต่ละที่ก็สนุกมาก ได้เห็นสถานที่สวยงาม เมืองเก่า และมรดกเวียดนาม ไปเดินตลาดที่เวียดนามไม่ว่าจะเป็นฮอยอันหรือดองบา ของถูกดี แต่เราต้องต่ิราคาเพราะเเม่ค้าเวียดนามค่อนข้างตั้งราคาไว้สูงมาก สินค้าก็มีหลายอย่างมากมาย อาหารที่ได้รับประทานในภัตตาคารต่างๆอร่อยดี โรงแรมก็หรูหรา สะดวกสบาย ไวเรตฟรีและแรงมาก รวมๆแล้วการไปเที่ยวในครั้งนี้ให้ความสนุกสนานและทำให้ได้เห็นหลายอย่างที่เวียดนาม เป็นการเดินทางที่คุ้มค่ามาก 
9.       ได้รู้จักเมืองต่างๆในแต่ละประเทศที่ได้เดินทางผ่าน และขอบคุณไกด์และคนขับรถที่พาพวกผมไปใช้แบบเวียดนามและสั่งปลาให้พวกผมกินพี่เขาดูแลดีมาก จบ อิอิ
10.   ประทับใจในบ้านเมือง และวิถีชีวิตของคนเวียดนามที่ส่วนใหญ่จะนิยมขับรถจักรยานยนต์แล้วยังสวมหมวกกันน๊อคทุกคน แม้ว่าจะไม่มีไฟจราจร แต่ก้ไม่ได้เกิดอุบัติเหตุบ่่อยครั้ง เรียกว่าขับรถแบบวัดใจกันไปเลย ชอบกระเช้าลอยฟ้าบานาฮิลล์ที่ถือว่าสูงจากระดับน้ำทะเลมากๆ วิศวกรเจ๋งมาก ยังกะไปเนรมิตเมืองไว้บนภูเขาลูกหนึ่งเลย ชอบๆๆ >< โดยรวมของเวียดนามก็ประทับใจเกือบหมด โชคดีที่คนที่นั้นพูดไทยได้เยอะมากเลยไม่ค่อยมีอุปสรรคในการสื่อสารเท่าไหร่ ถ้าได้ไปเวียดนามอีกครั้งก็จะไป แต่อยากลองไปเวียดนามเหนือกับใต้บ้าง คงจะสนุกแล้วก็ได้ความรู้เหมือนกัน 
11.   ประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางประวัติศาสตร์ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ที่ประทับใจมากที่สุกคือ พระราชวังดาโหน่ย เพราะเป็นการแสดงความเป็นเวียดนามอย่างแท้จริง
12.   สนุกมากๆๆๆๆคะ ^[]^ อธิบายได้ไม่หมดแน่ คืออาหารอร่อย ที่พักสวยงาม เวียดนามเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ไม่คิดว่าจะมีอะไรสวยงามและแหล่งท่องเที่ยวมากมายขนาดนี้ทั้งสถานที่ในประวัติศาสตร์ช่วงสงครามเวียดนาม พระราชวังที่ใหญ่โตมาก (ชื่อเป็นภาษาเวียดนาม จำไม่ได้แล้วคะ ><) ทะเลเวียดนามก็สวย ทรายขาวละเอียดมาก ที่นี้มีวัฒนธรรมแปลก ๆ ก็หลายอย่าง เช่น หนุ่มสาวชาวเวียดนามกอดกันตามถนนหนทางตอนกลางคืนก็เป็นเรื่องไม่แปลกนะคะ ที่นี้เขาจะบีบแตรรถตลอดเวลาเมื่อเป็นสัญญาณให้รู้ว่ามีรถมานะ ที่เจ็บใจบางอย่างคือตอนไปทะเลตอนกลางคืนมีกลุ่มคนเวียาดนามมาทักว่าเราเป็นคนลาวคะ =_= สงสัยหน้าและภาษาเราใกล้เคียงกันเกินไป อาหารทะเลที่นี้สด อร่อยคะ ปูตัวใหญ่มาก เนื้อหวานด้วย แต่อาหารที่นี้จะมีจานหนึ่งที่หลายคนไม่ค่อยก็คือผัดผักกวางตุ้ง เพราะมันมีแต่กวางตุ้งจริงๆ ไม่มีเนื้ออะไรเลย ฮ่าๆ สวนสนุกที่นี้อยู่บนเขา! สูงมาก!! แต่สวยงามมาก ต้องนั่งกระเช้าไกลถึง 5 กิโลเมตร บรรยากาศข้างล่างเหมือนหนังเรื่อง Twilight เลยคะ! ภูเขาเขียวชอุ่ม ขึ้นไปก็มีสวนสนุก เครื่องเล่นสุดยอด! วุ้นพยายามเล่นทุกอย่างแล้วนะ แต่เวลาไม่พอ TT ไม่เป็นไรคะ ครั้งหน้ามีโอกาสค่อยไปใหม่ ฮ่าๆ การซื้อของที่นี้อย่างเช่นที่ตลาดดงบา ต้องต่อแบบ 50/50 จริงๆคะ (ต้องใจกล้าคะ! แม่ค้าไม่ยอมเดินหนีเลยคะ เดี๋ยวเขาเรียกเราเอง ^^) การเดินทางอาจจะเหนื่อยไปหน่อยเพราะต้องขี่รถบัสข้ามหลายประเทศและระยะทางไกล แต่ใจไม่หวั่นคะ
13. สิ่งที่ประทับใจในการเดินทางครั้งนี้ ขอบอกเลยว่า ประทับใจในประเทศเวียดนาม เนื่องจากเป็นประเทศในกลุ่มอาเซียนเช่นกันกับประเทศไทย ทัศนียภาพต่างๆ และสิ่งแวดล้อมของประเทศเวียดนามอุดมสมบูรณ์มากๆ ต้นไม้ ภูเขาเยอะ ชอบทะเลคะ อาหารเวียดนามเป็นอาหารที่ทานง่าย แต่รสจืดกว่าอาหารไทย ชาวเวียดนามเรียนรู้จะให้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ ไม่ทำลายมัน อาหารทะเลก็อร่อยคะ ของค่อนข้าวราคาถูก แต่ต้องมีการต่อรอง (เยอะ)เลยทีเดียว อากาศที่เวียดนามสชื่นมาก ไม่มีกลิ่นฝุ่นควัน ชอบเด็กนักเรียนของชาวเวียดนามคะ ที่ปั่นจักรยานไปเรียน ผู้คนน่ารักดีคะ สิ่งที่ชอบมากสองอย่างก็คือทะเล และที่ Banahills คะ ได้นั่งกระเช้าลอยฟ้า สูงมากกกก ยาวมากๆด้วย ประทับใจมากเลยคะ ข้างบนภูเขาที่ Banahills มีโรงแรม วัด และสวนสนุก จุดเด่นคือตรงนี้คะ ฮ่าๆๆ ได้ใช้เวลาในสวนสนุก มีความสุขมาก ได้อยู่กับเพื่อนๆคะ อีกอย่าง วัฒนธรรมเวียดนามก็ดูหลากหลายทั้งจีน ฝรั่งเศสและของเวียดนามเอง สถาปัตยกรรมก็คล้ายๆของจีนคะ โดยรวมแล้วเป็นทริปที่สนุกมากๆคะ 
14.   ในวันแรกของการเดินทาง มันเป็นตอนเช้ามึดที่แสนน่าตื่นเต้นเพราะเป็นครั้งแรกที่จะเดินทางไปโดยไม่มีพ่อแม่ การเดินทางเริ่มต้นจริงๆก็เป็นตอนที่เราอยู่ที่มุกดาหาร เราเดินผ่านด่านตรวจเพื่อจะออกนอกประเทศ...พาสปอร์ตที่ทำมาใหม่ๆถูกตราเป็นครั้งแรก เราข้ามแม่นำ้โขงมาจนถึงฝังลาวและได้พบกับไกด์คนแรก. พี่เต๋าซึ่งพาเราข้ามประเทศลาวผ่านแขวงสะหวันนะเขต ระยะทางกว่า250กิโลเมตรมาถึงด่านลาวบาวของเวียดนาม การเหยียบแผ่นดินเวียดนามให้ความรู้สึกที่แตกต่าง ที่นั่นเรารู้สึกถึงความเป็นคอมมิวนิสต์ได้ทันที สีเหลืองและแดงที่ประตูด่านเรียงร้อยเป็นภาษา ถึงแม้จะอ่านไม่ออกก็รู้ว่าเป็นการต้อนรับที่ดี ไกด์คนที่สอง พี่นะรินชาวเวียดนามเป็นคนที่พาเราเดินทางท่องเที่ยว ที่แรกที่เราไปนั้นใช้เวลาถึง3ชั่โมงในการเดินทางไปที่อุโมงค์หวิ่นม็อก อุโมงค์หลบภัยสมัยสงครามเวียดนามที่คนจำนวน300คนอยู่และหลบซ่อนกันถึง6ปี เราได้เดินลงไปในชี้นแรกของอุโมงค์ที่16เมตรข้างใต้ เป็นชั้นที่ชาวบ้านอาศัยและชั้นที่ใช้รักษาพยาบาล. ในวันแรก เวลามันดึกเกินกว่าจะไปที่อื่นๆเราจึงเข้ที่พักกัน วันที่สองเราเริ่มกันที่เมืองเว้ ข้ามแม่น้ำหอม มาอีกฝั่งหนึ่ง เป็นที่ตั้งของพระราชวังได๋โหน่ย เป็นวังของราชวงศ์สุดท้ายของเวียดนาม แต่เนื่องจากพายุเข้า80%ของวังจึงยังบูรณะอยู่ ต่อมาคือ วัดเทียนมู่ วัดโบราณที่สร้างเพื่อบูชานางฟ้าในความฝันของพระราชาองค์แรก ต่อมาเราเดินทางมาที่ร้านอาหารริมทะเลเว้ อาหารทะเลต่างๆมีมากล้นโต๊ะ หลังจากทานเสร็จ เราแวะเดินทะเลที่สวยงาม หาดเวียดนามนั้นแตกต่างจากหาดไทยที่คลื่นลมรุนแรงพัดมาได้ไกล แต่ไม่สูงมาก ต่อมาก็เป็นที่ๆชอบที่สุด เมืองฮอยอัน มรดกโลกทางวัฒนธรรมที่ผสมผสานความเป็นจีนญี่ปุ่นและเวียดนามจากสามสถานที่ คือ สะพานวัดญี่ปุ่น บ้านเวียดนามโบราณ และวัดจีน เราได้ย้ายมาพักที่ดานังในคืนนั้น ตอนกลางคืนชาวคณะอาจารย์พากันไปเล่นนำ้ทะเล รู้สึกอยากไปอยู่ ต่สุดท้ายคนเขียนก็ได้นั่งเฝ้าห้อง วันที่สาม วันสุดท้ายของการท่องเที่ยว เรานั่งกระเช้าขึ้นยอดเขวบานาฮิล เป็นกระเช้าที่สูงและยาวมี่สุดในเอเชีย นั่กระเช้าข้ามภูเขาและป่าทึบอันอุดมสมบูรณ์ขึ้นไปบนสวนสนุกแฟนตาซีแลนด์ แดนเนรมิตรที่สวยงามที่สุด แมัจะยังสร้างไม่เสร็จแต่ก็มีเครื่องเล่นที่เสร็จแล้วมากมาย ต่อกันที่ตลาดดองบา ตลาดที่เหล่าชาวคณะนักต่อราคาชอบใจ และการลงเรือดูการแสดงชั้นสูงกาเหว แล้วกลับมาพุกที่เมืองเว้ วันที่14 วันสุดท้ายของทัวร์นี้ เราเดินทางกลับเเต่เช้านั่งรถข้ามภูเขาเลากา แม่น้ำทะเลสาปและหมู่บ้านอันสวยงามและสมบูรณ์ เราทุกคนพบว่า ประเทศคอมมิวนิสต์เล็กๆอันน่าอัศจรรย์ที่ดิ้นรนเอาเอกราชจากอเมริกา ประเทศที่ลงทุนมหาศาลจากการท่องเที่ยว และประเทศที่ผู้คนนับถือคนคนหนึ่ง โฮจีมินห์ ผู้ยิ่งใหญ่และรักประเทศนี้ที่สุดจะมีความเจริญและน่าอัศจรรย์ ที่สุด เวลาพี่นะรินเข้าประเทศลาว ความคิดของหลายๆคนก็มีทั้ง อยากกลับบ้าน คิดถึงภาษาไทย คิดถึงคนไทย และคิดถึงชีวิตเก่าๆ พี่เต๋ายังคงรับหน้าที่อยู่ จนรถข้ามด่านมาที่มุกดาหารการรอคอยได้สิ้นสุด ประเทศไทยที่เราจากมา บัดนี้เราได้เข้าสู่อ้อมกอดของแผ่นดินที่รักที่สุด กว่านั้นการเดินทางของเราไม่ได้สิ้นสุด มันเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางอื่นๆ การเล่าสู่เรื่องราวนี้ ให้กับทุกคนเป็นหนึ่งในการเดินทางนั้น หวังว่าบทความนี้คงจะทำให้ทุกคนภูมิใจและตั่งมั่นกับรางวัลที่ได้รับและมันคงจะเป็นประโยชน์กับนุกเรียนทุนรุ่นต่อไป ความเป็นรุนบุกเบิกของทุนครั้งนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด มันจะเป็นวิชาชีวิตที่สอนเราทุกคน ของคุณทุกๆคนที่มีส่วนร่วมในการเกิดโครงการนี้ ขอบคุณ ผอ.และอาจารย์ทุกคน การเดินทางของเราได้สิ้นสุดในวันนั้น เราได้กลับไปยังที่ที่ความอบอุ่นมีอยู่เสมอ บ้านของเราเอง และการเดินทางครั้งสำคัญนี้ก็ได้จบลง แต่มันจะเป็นความทรงจำดีๆที่ทุนการเคียนก้าวหน้ารุ่น1ทุกคนมีด้วยกัน กันตินันท์ วิริยะสวัสดิ์
15.   เป็นการเดินทางอีกครั้งหนึ่งที่สร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก แม้อาจจะนั่งนานไปหน่อย แต่ก็คุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับสถานที่ท่องเที่ยวที่ไปเยือน สิ่งที่ประทับใจมากที่สุดคงเป็นเคเบิ้ลคาร์หรือกระเช้าลอยฟ้า มันเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากในประเทศไทย ทางเวียดนามสามารถทำได้และทำได้ดีมากๆจนน่าตกใจ ทัศนียภาพก็สวยงาม 
16.   มีความสุขตลอดทั้งสี่วัน แต่การเดินทางค่อนข้างลำบากหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร รุ่นพี่ รุ่นน้องน่ารักทุกคน ดูไม่เรื่องมาก เฮฮาดี อาหาร โรงแรม สถานที่ที่ไปก็สนุก :) อยากให้โรงเรียนจัดแบบนี้ไปเรื่อยๆ ชอบตอนไปดูสถานที่ต่างๆ ทั้งทะเล อุโมงค์ กระเช้า สวนสนุก พี่ไกด์ลาวและเวียดนามก็น่ารักทั้งสองคน สนุกค่ะ :)
17.   ประทับใจแทบทุกอย่าง ได้เห็นทุกอย่างตามที่คาดหวังไว้ อุโมงค์หลบภัยใต้ดินเห็นแล้วก็ทึ่งและเข้าใจว่าทำไมคนเวียดนามถึงเป็นคนเก่งและสู้ชีวิต สถานที่ที่ไปแล้วสนุกที่สุดคือยอดเขาบานาฮิลล์ บรรยากาศข้างบนเย็นสบายและทิวทัศน์สวยงามมาก ได้นั่งกระเช้าไฟฟ้าผ่านภูเขาหลายลูก ข้างในมีเครื่องเล่นหลากหลาย เห็นแล้วเชื่อว่าใช้งบประมาณมหาศาลซึ่งเขากล้าลงทุนและเชื่อว่าในอนาคตคงเป็นที่ที่สร้างรายได้ได้ดี ที่ประทับใจที่สุดคือเขานำเสนอวัฒนธรรมทั้งในสมัยก่อนและปัจจุบันรวมทั้งชุดประจำชาติ อาหารประจำชาติและอื่นๆเกี่ยวกับประเทศของเขาได้ดีมาก การค้าขายเขาสามารถพูดภาษาไทยได้คล่อง ในขณะที่เราไม่รู้ภาษาของเขาเลย เป็นสิ่งที่เราน่าจะฉุกคิดได้แล้วว่าถ้าเราเปิดอาเซียนเราจะสู้เขาได้หรือไม่ เหมือนกับว่าเขาเตรียมความพร้อมมาแล้วหลายปี และพร้อมที่จะเข้าสู่อาเซียนแล้ว
18.   ประทับใจเป็นอย่างมากทางคณะทัวร์ได้จัดการทุกอย่างเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นที่พัก อาหารมื้อต่างๆ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีความน่าสนใจต่อการเยี่ยมชมก็หลับดีครับ
19.   นอนสุดทาง เเต่ถนน ช่วงลาว หนิ โอยๆๆๆ ก็รู้สึกสนุกดีครับ ได้เปิดโลกกว้าง ได้เห็นหลายอย่างได้ฝึกพูดกับคนที่ใช้ภาษาต่างกัน อย่างน้อยก็เพิ่มความกล้าที่จะพูดกับคนอื่น ถึงเเม้จะ พูดได้น้อย ติดๆๆขัดบ้าง แต่ผมรู้สึกดีใจที่คุยกับเขาได้นิดหน่อย แต่โชว์เฟอร์ รถ ผมคุยกันไม่รู้เรื่อง555 นี่โรงเรียนเป็นที่เเรกที่เปิดซิงให้ผมได้ไปต่างประเทศ เพราะว่าไม่เคยไปเลย ขอบคุณมากนะครับ ทีเเรกนึกว่าอาจารย์โกหก พูดเล่นๆ เเต่ได้ไปจริง เสย ภูมิใจครับ เพราะน้อยคนที่จะได้ไป555
20.   ประทับใจสภาพแวดล้อม อากาศ ต้นไม้ แม่น้ำ ภูเขา ในประเทศเวียดนาม ธรรมชาติมากๆ อากาศบริสุทธิ์ไม่ร้อนมากเหมือนที่ประเทศไทย สิ่งแวดล้อมดี สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายๆที่ อาหารสะอาด อร่อย โดยเฉพาะอาหารทะเล ที่พักก็ดีน่าอยู่ หรูหรา ทันสมัย ภาพรวมทั้งหมดก็โอเคค่ะ ชอบมากๆค่ะ
21.   ได้ไปเที่ยวต่างๆทั่วเวียดนาม เวลาเช้ายังอยู่แถวๆเขาแต่พอบ่ายๆมาได้ไปทะเล ได้เจอกับเด็กนักเรียน น่ารักมาก ขึ้นกระเช้าไกลมากๆ อากาศบนกระเช้าอึดอัดนิดหน่อย ไปตลาดดองบาสนุกมากแต่เวลาน่าจะมากกว่านี้ ชอบไปทะเลตอนกลางคืน ไม่ร้อน และสนุก ได้พบคนกอดกันเยอะดี อาหารทุกมื้ออร่อยมาก คุ้มค่ากับการไป โรงแรมที่พักก็หรูกว่าเมืองไทยถึงแม้จะสามดาว ได้รู้จักกับคนต่างๆเพิ่มมากยิ่งขึ้น
22.   วันที่ 11 มีนาคม 2556 - วันนี้เดินทางทั้งวันแต่ว่าก็สนุกสนานที่ได้ไปเวียดนามเพราะได้เจออะไรแปลกใหม่มากหมาย วันที่ 12 มีนาคม 2556 - ได้เยี่ยมชมพระราชวังได๋โหน่ยซึ่งเมื่อก่อนเป็นที่ประทับของกษัตริย์เวียดนามก็รู้สึกว่าสนุกสนานและ ประทับใจในหลายๆเรื่องเลยในวันนี้ วันที่ 13 มีนาคม 2556 - วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยแต่ก็รู้สึกว่าคุ้มที่ได้เดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆมากมายเป็นวันที่เหนื่อยมากวันหนึ่งแต่ก็สนุกสนานไม่แพ้กัน วันที่ 14 มีนาคม 2556 - วันนี้เป็นวันเดินทางกลับจากเวียดนามเป็นวันที่จะได้เดินทางกลัประเทศได้ เป็นวันที่เราจะได้นำความรุ้ต่างๆ ที่ได้จากการมาครั้งนี้ไปใช้ประโยขน์ในการดำเนินชีวิตของเรา
23.   การได้ลงอุโมงค์วินห์ม็อกเพราะเหมือนการผจญภัย การได้ขึ้นกระเช้าที่บานาฮิล การเล่นสวนสนุกที่บานาฮิลที่ดีมากๆแต่ยังไม่เสร็จ การได้ชมความสวยงามของฮานอย การได้ดูวัฒนธรรมชั้นสูงของเวียดนาม การมองเห็นความสวยงามของบ้านเมือง 
24.   มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ที่ประทับใจมากที่สุดคือ พระราชวังดาโหน่ย เพราะเป็นการแสดงความเป็นเวียดนามอย่างแท้จริง และทางคณะทัวร์ได้จัดสรรแต่สิ่งที่ดีๆไม่ว่าจะเป็นที่พัก อาหาร และการเดินทาง
25.   ความสนุกที่อยู่บนรถ ธรรมชาติที่อยู่ในเวียดนาม ไม่ค่อยมีคนตีกัน มีการใช้รถจักรยาน ไม่ค่อยมีรถยนต์ โรงงานหยก ทะเลที่เวียดนาม พระราชวังได๋โหน่ยกับวัดเทียนหมู่ ล่องแม่น้ำหอม การนั่งกระเช้าผ่านภูเขา สวนสนุก มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ที่ประทับใจมากที่สุดคือ พระราชวังดาโหน่ย เพราะเป็นการแสดงความเป็นเวียดนามอย่างแท้จริง และทางคณะทัวร์ได้จัดสรรแต่สิ่งที่ดีๆไม่ว่าจะเป็นที่พัก อาหาร และการเดินทาง
26.   ไปเวียดนามสนุกดี บริการประทับใจมากดูแลทุกอย่างเลย อาหารอร่อยที่พักสวยมากรู้สึกดีใจที่ได้ต่อของถูกที่เวียดนาม 555
27.   ไกด์มีความเอาใจใส่คณะทัวร์เป็นอย่างดีและมีความเป็นกันเองสนุกสนาน สถานที่ท่องเที่ยวมีความน่าสนใจ น่าตื่นเต้น และมีการให้ความรู้จากไกด์ที่นำเที่ยวได้เป็นอย่างดี โรงแรมที่พักผ่อนมีความสะดวกสบายและเหมาะสม อาหารการกินอร่อยและมีบริการที่ดี มีห้องน้ำบริการระหว่างการเดินทางค่อนข้างดี มีความสนุกสนานระหว่างการเดินทาง ได้รับความรู้ที่แปลกใหม่และประสบการณ์ใหม่ๆ
28.   อากาศดีมาก เย็นสบายดี ไปที่ไหนก็มีทะเลมีป่าไม้ ลมพัดตลอด ชอบกฎหมายมาก แรงดี ถึงกลับใส่หมวกกันน็อคในตอนกลางคืนถ้าเป็นประเทศเราคงจะไม่มีคนใส่ บ้านเมืองสะอาดกว่าไทยเยอะ พนักงานในโรงแรมก็ดีถ้าเรียกก็มาทันทีไม่ต้องรอนาน
29.   ประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่มีบรรยากาศสวยงามมากค่ะ มีทะเลหลายจังหวัด มีการพัฒนาประเทศได้รวดเร็วมาก ผู้คนพูดภาษาไทยได้ พูดลาวได้ เเละยังมีภาษาอื่นๆ ทำให้เห็นว่าไทยเรายังด้อยกว่าเเละเสียเปรียบ คนส่วนมากพูดภาษาเพื่อนบ้านกันไม่ได้เลย ทำให้ตระหนักได้ว่าเด็กไทยจะต้องเร่งเรียนรู้เเละพัฒนาตนเองให้ทัดเทียมเพื่อนบ้านโดยเร็ว เพื่อว่าเมื่อเราเปิดเสรีเเล้วจะได้ไม่เสียเปรียบประเทศอื่นๆ
30.   สนุกสนานและได้ความรู้
31.   ประทับใจในเรื่องของอาหารที่สุด เพราะได้กินหลายรสชาติ อร่อยมาก และอีกเรื่องคือเรื่องที่พักที่หรู น่านอนและยังสะดวกสบาย ในเรื่องของสถานที่ชอบสวนสนุกที่สุด เพราะมีเครื่องเล่นมากมายสนุกสนาน

ข้อเสนอแนะในการจัดทำโครงการ

1. ควรมีการประชาสัมพันธ์โครงการเพื่อให้เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจมากกว่านี้
2. ระยะเวลาในการเดินทางจากแต่ละแห่งใช้เวลานานมาก ผมเป็นคนที่เมารถจึงไม่ค่อยมีความสุขขณะเดินเท่าไหร่
3. โครงการนี้เป็นสิ่งที่ดีและเป็นเเรงกระตุ้นให้ขยันได้ดีผมว่าโครงการนี้ควรจัดเป็นโครงการสำคัญในอนาคตต่อไป
4.  ระยะเวลาน้อยไป
5.   โครงการดีครับ จะได้เป็นเเรงกระตุ้นสำหรับคนที่เรียนดีอยู่เเล้ว หรือเเย่ ให้พัฒนาตนเอง ให้ดีขึ้น รางวัลที่ได้รับก็คุ้มค่ากับความลำบากของเรา ไปเเเถวๆๆใกล้บ้านเราหละครับถึงไม่ไกล ไม่เเพง หรือให้ดีเที่ยวไป เเสนอุรา คนกันเอง คุยกันรู้เรื่อง เศรษฐกิจดี หรือเเล้วเเต่อาจารย์จะพิจารณา
6.   ควรมีการเเจ้งข่าวสารเกี่ยวกับหลักฐานการทำสัญญาให้ชัดเจน เนื่องจากเป็นช่วงปิดเทอม(ม.6) สำหรับคนที่บ้านไม่ได้อยู่มหาสารคามอาจจะเดินทางยาก
7.   ควรไปที่อื่นบ้าง
8.   ควรทำโครงการนี้ต่อไปเรื่อยๆเพราะเป็นโครงการที่ดีเเละทำให้นักเรียนมีความพยายามในการเรียนอีกทั้งรู้สึกภูมิใจในตัวเองมากขึ้น
9.   ควรจัดทุกปีเพื่อเป็นรางวัลสำหรับเด็กที่มีการเรียนก้าวหน้าและเด็กที่มีการเรียนเป็นเลิศเพื่อเป็นสิ่งจูงใจในการเรียนอย่างหนึ่งของนักเรียน
10.   ไม่มีจริงๆ
11.   ควรประชาสัมพันธ์โครงการให้น่าสนใจมากขึ้นด้วยการให้นักเรียนที่เคยไปแล้วมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังเพื่อเป็นการกระตุ้นให้นักเรียนคนอื่นๆ มีความแรงบันดาลในการที่จะตั้งใจทำผลการเรียนให้ดีขึ้น
12.   อยากให้เปลี่ยนเป็นนั่งเครื่องบินขอจำนวนวันเพิ่มคะ ฮ่าๆ ^^
13.   ภาพรวมแล้วสนุกมากเลยคะ ก็ขอให้แค่สับเปลี่ยนประเทศที่จะไปในแต่ละปีไม่ให้ซ้ำกัน และขอให้มีโครงการที่ดี ๆ แบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันให้ทุกๆคนได้มีโอกาสรับทุนนี้คะ
14.   ควรหาไกด์ที่พูดเรื่องเกี่ยวกับประเทศนั้นๆที่ไป ที่เขาพูดให้ความรู้เยอะกว่านี้ แต่ครั้งนี้ ไกด์แนะนำสถานที่ไม่ค่อยเยอะคะ อยากได้ความรู้มากกว่านี้จงรักษาโครงการดีๆแบบนี้ไว้เพื่อประโยชน์และความสุขของทุกๆคนสืบไป กันตินันท์ วิริยะสวัสดิ์ ทุนการเรียนก้าวหน้ารุ่น1
15.   ควรจัดให้มีระยะเวลาที่ยาวนานกว่านี้สักนิด
16.   อยากให้จัดแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพื่อนักเรียนจะได้มีแรงผลักดัน 
17.   อยากให้เปลี่ยนจาก นั่งรถบัสเป็นเครื่องบินค่ะ
18.   โครงการดีครับ จะได้เป็นเเรงกระตุ้นสำหรับคนที่เรียนดีอยู่เเล้ว หรือเเย่ ให้พัฒนาตนเอง ให้ดีขึ้น รางวัลที่ได้รับก็คุ้มค่ากับความลำบากของเรา ไปเเเถวใกล้บ้านเราหละครับถึงไม่ไกล ไม่เเพง หรือให้ดีเที่ยวไป เเสนอุรา คนกันเอง คุยกันรู้เรื่อง เศรษฐกิจดี หรือเเล้วเเต่อาจารย์จะพิจารณา
19.   อยากให้มีโครงการแบบนี้ขึ้นมาอีก ให้น้องๆรุ่นต่อๆไปได้มีโอกาสไปหาประสบการณ์ใหม่ๆในต่างประเทศที่เราไม่คุ้นเคย อาจเริ่มจากในกลุ่มประเทศอาเซียนก่อนก็ได้ เป็นโครงการที่ดีมากๆ ได้ความรู้โดยตรง ประสบการณ์โดยตรง อาจจะจริงที่ต้องใช้งประมาณเยอะในการจัดโครงการ แต่ผลที่ได้รับมันก็คุ้มค่า อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เด็กตั้งใจเรียน เพราะอยากได้ทุนเพื่อที่จะมีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างประเทศเหมือนพวกหนูในครั้งนี้ อยากให้จัดขึ้นอีกทุกปีค่ะ
20.   เวลาเดินตลาดน่าจะให้มากกว่านี้
21.    ไปที่ๆมีทะเลแต่ไม่ได้เล่นทะเลเลย ทำให้รู้สึกว่าเสียดาย
22.   รักษาคุณค่าของโครงการนี้ไว้ สืบไป
23.   -ไม่มีคับ-
24.   อยากให้มีโครงการดีๆอย่างนี้อีกไปเรื่อยๆเพื่อเป็นความหวังให้กับคนที่พัฒนาและเป็นกำไรสำหรับคนที่ตั้งใจเรียนมาตลอด
25.   ควรเพิ่มระยะเวลาการเดินทางมากขึ้น การศึกษาวัฒนธรรมในประเทศนั้นยังได้รับความรู้เพียงน้อยนิด ควรย่นระยะเวลาการเดินทางให้มากกว่านี้
26.   โรงแรมก็น่าจะมีอาหารเยอะกว่านี้ บางห้องล็อกห้องน้ำไม่ได้ อาหารซ้ำกันหลายมื้อทำให้เบื่อ 
27.   อยากให้พาไปดูสถานศึกษา โรงเรียนต่างๆด้วยค่ะ อยากเห็นว่าเค้าเรียนกันอย่างไร ต่างจากบ้านเรามากน้อยเเค่ไหน เพื่อที่จะเป็นกระจกสะท้อนตัวเราเองว่าระบบการศึกษาของเราดีพอรึยัง ต้องปรับอะไร เพื่อให้ผลิตทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพมากขึ้นออกสู่สังคม
28.   ได้อยากขึ้นเครื่องบิน

ทางฝ่ายแผนและประกันคุณภาพของขอพระคุณผู้บริหาร คณาจารย์และนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการนี้ และหวังว่าจะมีโครงการแบบนี้ในปีการศึกษาถัดไป


รายละเอียดทั้งหมดในการเดินทาง

Wednesday, February 27, 2013

เยี่ยมชมสาธิตพัฒนา-TKPark


รายงานผลการศึกษาดูงาน
โรงเรียนสาธิตพัฒนา แขวงคลองสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร
และ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้  TK Park เขตปทุมวัน  อาคารเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร
21-22 กุมภาพันธ์ 2556

* นายสัจจพงษ์  ญาตินิยม

งานจัดการความรู้ ฝ่ายแผนและประกันคุณภาพ ได้นำคณาจารย์และบุคลากร จำนวน 30 คน เข้าศึกษาดูงาน ตามโครงการศึกษาดูงานโรงเรียนต้นแบบ โดยในปีนี้ งานจัดการความรู้ ได้ตั้งเป้าหมายในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากโรงเรียนสาธิตพัฒนา แขวงคลองสามวาตะวันอก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร เพื่อวัตถุประสงค์ในการเปิดโลกทัศน์และแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธีปฏิบัติของโรงเรียนสามารถนำความรู้กลับมาใช้เป็นแรงบันดาลใจ พัฒนานักเรียนของโรงเรียนเราต่อไป และที่สถานที่หนึ่งคือ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้  เขตปทุมวัน  อาคารเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร   หรือชื่อที่เราคุ้นชินคือ TK PARK ซึ่งเป็นห้องสมุดมีชีวิต ในห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลเวิลด์ จุดประสงค์เพื่อนำมาปรับใช้กับห้องสมุดโรงเรียนของเราซึ่งรายละเอียดจะสรุปเป็นสถานที่ตามวันดังนี้

21 กุมภาพันธ์ 2556
          โรงเรียนสาธิตพัฒนาก่อตั้งขึ้นในปี 2549 เป็นโรงเรียนเอกชน เกิดขึ้นจากความร่วมมือของคณะคุรุศาสตร์จุฬาลงกรณ์ กับมูลนิธินวัตกรรมการศึกษา โดยจัดการศึกษาตามแนวสาธิตจุฬา แต่ให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษมากโดยเพิ่มเติมให้  ปัจจุบันอยู่ในการบริหารของบริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน)
          ทางด้านวิชาการ บริหารวิชาการโดยคณาจารย์เกษียณจากสาธิตจุฬาฯ จำนวนหนึ่งเป็ยคณะกรรมการบริหาร และทำการสอนในบางรายวิชา และพัฒนาบุคลากรใหม่อีก ปัจจุบันมี ครูทั้งสิ้น 132 คน ฝ่ายสนับสนุนอีก 48 คน บริหารจัดการนักเรียนทั้งสิ้น 1,108 คน ตั้งแต่ระดับอนุบาล ถึง มัธยมศึกษาปีที่ 6 จุดเด่นที่สำคัญคือ การนำหลักสูตร 4F มาใช้จัดการเรียนการสอน แนวคิดของหลักสูตร 4F คือ FUN คือเน้นให้นักเรียนรักที่จะมาโรงเรียน FIND นักเรียนค้นหาความสามารถ ความถนัดและความสนใจที่ตนเองมี จากไปก็ไป FOCUS เลือกในสิ่งที่ตนถนัดอย่างเจาะลึก และท้ายสุด FULFILLMENT นักเรียนจะเลือกเรียนในสิ่งที่เป็นไปตามเป้าหมายของผู้เรียนที่ได้ตั้งไว้ โดยโรงเรียนจะเตรียมความพร้อมด้านครูที่มีความชำนาญเฉพาะด้านในการเติมเต็มให้นักเรียนในรายวิชาที่นักเรียนมุ่งหวัง  เรียกโปรแกรมสุดท้ายนี้ว่า โปรแกรมเจียระไนรายบุคคล หรือหลักสูตรม.ปลาย รายบุคคล
          ทางด้านบริหารบุคคล โรงเรียนมีการพัฒนาทรัพยากรบุคคลอย่างต่อเนื่อง เน้นการปลูกฝังความเป็นครูผ่านตัวบุคคล รุ่นต่อรุ่น สอนครูรุ่นใหม่ให้เข้าในบทบาทการเป็นครูที่ดีผ่านการซึมซับจากต้นแบบ (คือ อาจารย์เก่า ๆ อาจารย์รุ่นพี่) ทำความเข้าใจก่อนเข้ามาเป็นครูที่นี่ เน้นให้ครูใหม่เกิดความภาคภูมิในในความเป็นครูและทำการสอนให้ดีที่สุด ไม่ให้ใครดูถูก รักและหวงแหนในวิชาชีพและจริงใจ มุ่งมั่นในการสอน จัดการอบรมเชิงรุก จุดประกาย ยุยง ส่งเสริม โดยมุ่งเป้าหมายเดียวกันคือสอนให้เก่ง พัฒนาตนเองตลอดเวลา ทำวิจัยระดับห้องและทุกระดับชั้น ออกข้อสอบให้เป็น โดยอบรมเติมความรู้อย่างสม่ำเสมอ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการคิดเชิงบวก ทั้งผู้อำนวยการและครูในโรงเรียน จะถูกปลูกฝังให้คิด เชิงบวก เพื่อลดความเครียดจากงานและสร้างกำลังใจในการทำงานได้อีกทางหนึ่ง ส่วนในเรื่องค่าครองชีพหรือเงินเดือน โรงเรียนสาธิตพัฒนา ให้เงินเดือนระดับ ปริญญาตรี เริ่มที่ 18,000 บาท บวกค่าเดินทาง อีก 3,000 บาท หากใครอยู่หอพักก็หักค่าเดินทางออก 1,000 บาท โดยภาพรวมก็น่าจะเป็นที่พึงพอใจของคณาจารย์ ที่สังเกตอีกประการหนึ่งคือโรงเรียนการจ้าง Out Source ในการจัดการเรียนการสอนนอกเหนือจากห้องเรียนปกติ เช่นวิชาพละศึกษา วิชาการ วิชาดนตรี โดยให้นักเรียนได้เรียนในสิ่งที่ตนถนัดนอกเหนือจากที่ได้รับจากครูประจำ
          กิจกรรมเสริมหลักสูตรของทางโรงเรียนมีหลากหลาย มีการทัศนศึกษาในแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ซึ่งมีมากในกรุงเทพฯ มีการปลูกข้าว ปลูกผักสวนครัวเพื่อให้นักเรียนได้เห็นของจริง ซึ่งน่าสนใจมาก
          สรุปในภาพรวมถือว่าโรงเรียนมีแนวทางบริหารจัดการศึกษาที่ดี พัฒนาต่อยอดจากสาธิตจุฬา และการไปดูงานครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่า เหมือนไปดูทั้งสาธิตพัฒนาและสาธิตจุฬาในคราเดียวกัน และทั้งหมดทั้งมวลขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็วเพราะมีความพร้อมทั้งอาคารสถานที่ และทรัพยากรทางการเงิน ค่าเทอมโดยเฉลี่ยปีละ 100,000 บาท ต่อคนต่อปี ซึ่งก็สูงพอสมควรตามค่าครองชีพของชาวเมืองหลวง

22 กุมภาพันธ์ 2556
          อุทยานการเรียนรู้ TK Park เป็นองค์กรมหาชนภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ สำนักนายกรัฐมนตรี จัดตั้งตามนโยบายของรัฐบาลมรปี พ.ศ. 2548 โดยมีพันธกิจ ในการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านและการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ตลอดชีวิตของเยาวชนและประชาชน เพื่อสร้างสรรค์สังคมฐานความรู้ที่ประชาชนสามารถก้าวทันโลก (แผ่นพับแนะนำ : หน้าที่ 1)
          โดยภาพรวมแล้ว อุทยานการเรียนรู้ TK Park มีการจัดโซนออกเป็น 12 โซน ดังนี้ 1 ห้องสมุดมีชีวิต มีหนังสือมากมายทั้งภาษาไทยและต่างประเทศ ไม่เน้นหนังสืออ้างอิง หนังสือจึงมีความหลากหลายไม่น่าเบื่อ นอกจากนี้ยังมีสื่อการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นเอง เช่น หนังสือโบราณผ่านโปรแกรมทัชสกรีน โซนที่ 2 มายด์รูม เป็นห้องที่มีหนังสือกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ตามแนวทาง เศรษฐกิจสร้างสรรค์ เช่น สถาปัตยกรรม ศิลปกรรมแสดงเป็นต้น โซนที่ 3 ห้องเด็ก เป็นห้องสมุดที่เหมือนกับห้องเด็กเล่น มีสระอ่านหนังสือ คือเด็กสามารถนอนอ่านแบบสบาย ๆ (โดยเข้าใจว่าสาธิตพัฒนานำแนวคิดนี้ไปประยุกต์กับห้องสมุดของโรงเรียน) โซนที่ 4 ห้องเงียบ คือมุมที่ใช้สมาธิสูงในการอ่าน และการค้นคว้าหาข้อมูล  โซนที่ 5 มุมกาแฟ H&C คือ มุมบริการเครื่องดื่มและอาหารว่าง มุมนี้บุคลากรงานห้องสมุดให้ความสนใจสูงและพร้อมจะดำเนินการทันทีหลังกลับมาจากดูงาน โซนที่ 6 ห้องสมุดดนตรี มุมนี้มีสื่อสร้างสรรค์ทางดนตรีให้ได้เล่นได้ฟัง มีเปียโน หนังสือ เกี่ยวกับดนตรีที่น่าสนใจมาก โซนที่ 7 ห้องสมุดไอที เป็นพื้นที่ส่งเสริมทักษะทางด้านไอที มีหนังสือและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้บริการ โซนที่ 8 ศูนย์การเรียนรู้อเนกประสงค์ โซนนี้น่าสนใจมาก เป็นห้องโล่ง หลุมกลาง สามารถจัดการเรียนรู้เชิงสาระบันเทิงได้ (Edutainment) อาทิ เล่นละครเวที มินิคอนเสริต เป็นต้น โซนที่ 9 ลานสานฝัน เป็นพื้นที่เปิดกว้างให้กับทุกวัยในการนำเสนอความคิด กิจกรรมสร้างสรรค์ โดยทุก ๆ เดือน ทาง TK Park จะใช้ลานนี้จัดกิจกรรมเป็นตัวขับเคลื่อน จะมี ธีมงานต่อเดือน เช่น เดือนนี้จะเป็นนิสิตเกี่ยวกับดนตรีก็จัดเสวนาด้านดนตรี เป้นต้น โซนที่ 10 ห้องฉายภาพยนตร์ เอาไว้ฉายหนัง โซนที่ 11 ศูนย์อบรมไอที และโซนที่ 12 ห้องบันทึกเสียง
          จากข้อมูลข้างต้นก็น่าสนใจแล้วอยากจะมี TK Park  ใกล้ ๆ บ้านเลยทีเดียว แต่คงหมดโอกาสเพราะมหาสารคาม ตัดสินใจทำ Mk Park แล้ว แต่เราคงต้องกลับมาพัฒนาห้องสมุดของเรา โดยอาศัยความร่วมมือกับทาง TK Park ซึ่งเขามีหน่วยงานให้คำปรึกษาและเข้ามาร่วมพัฒนาห้องสมุดในโรงเรียนต่าง ๆ ให้เป็นห้องสมุดมีชีวิต โดยมีข้อแม้ 4 ข้อสำคัญ คือ คนพร้อม สถานที่พร้อม เงินพร้อม และนโยบายชัดเจน ก็สามารถเริ่มงานได้เลย